หน้าแรก > การเมือง

“จิราพร” ยัน ตร.เร่งคดี ดิไอคอนกรุ๊ป ชี้ DSI พิจารณายกคดีพิเศษ

วันที่ 13 ตุลาคม 2567 เวลา 11:17 น.


น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับผู้ได้รับความเดือดร้อนจากดิไอคอนกรุ๊ป ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดให้เข้ามาร้องทุกข์ ขณะนี้มีคนมาร้องทุกข์ 504 ราย ยอดความเสียหาย 118 ล้านบาท ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สคบ.ได้เข้าไปร่วมสอบสวน เพื่อเร่งสืบหาข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด วันเสาร์-อาทิตย์ เราไม่ได้หยุดทำงาน เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค. อยู่ทำงานกันถึงเวลา 23.00 น. มีผู้เข้ามาร้องทุกข์ต่อเนื่อง

สำหรับจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายน่าจะเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษ จะให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่  ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้ามาช่วยดูแลคดีนี้ แม้หลักเกณฑ์จะเข้าเงื่อนไข แต่จะยกเป็นคดีพิเศษหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของดีเอสไอ  

ในส่วนกรณีที่มีคลิปเสียงปริศนาพาดพิง สคบ. โดยระบุว่า มีการติดสินบนเทวดา สคบ.  ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานที่จะมาตรวจสอบ เพราะอยากให้คนนอกเข้ามาร่วม เพื่อให้โปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด วันที่ 15 ต.ค.นี้ คงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีมีการมอบโล่รางวัลให้กับดิไอคอนกรุ๊ป กลายเป็นการการันตีบริษัท เรามีนโยบายกับเรื่องนี้อย่างไร น.ส.จิราพรกล่าวว่า บริษัทดังกล่าวได้บริจาคหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ในช่วงโควิดปี 63 และในช่วงการสัมมนาของคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง สคบ.ส่งตัวแทนเข้าไปเป็นวิทยากรร่วม มีการเสนอชื่อรับรางวัลในปี 64 แต่เนื่องจากมีโควิด จึงมีการรับรางวัลในปี 65 เป็นรางวัลในการสร้างสาธารณประโยชน์ ไม่ได้เป็นรางวัลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจแต่อย่างใด ตนจึงให้ สคบ.กลับไปดูข้อเท็จจริงว่าบริษัทนำรางวัลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เช่น ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าประกอบธุรกิจได้ดีจนได้รับรางวัล หากผิดลักษณะนี้จะขอให้เรียกรางวัลคืน

เมื่อถามถึง กรณีนักแสดงที่เป็นพรีเซนเตอร์ดิไอคอนพยายามออกมาให้ข้อมูลว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเป็นแค่พรีเซนเตอร์ จะทำให้พ้นผิดหรือไม่ น.ส.จิราพรกล่าวว่า เป็นสิทธิในการชี้แจง แต่ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีข้อหาที่ชัดเจนคงมีการขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเช่นนี้เคยมีปัญหาในอดีตและมีการพัฒนาตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป หน่วยงานราชการต้องพัฒนาตัวเองตาม สคบ.ก็เร่งทำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวเองให้ชัดเจนที่สุด เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนโดยเร็ว ระยะยาวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาบูรณาการรับมือสิ่งที่เกิดขึ้น และดูกฎหมายบางตัวที่ล้าสมัยไม่ทันเหตุการณ์ ส่วนจะต้องทำงานเชิงรุกหรือไม่นั้น ตนได้กำชับ สคบ.ไปว่าเราถือกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หากอนุญาตในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ต้องตรวจสอบอยู่ตลอด เพราะเท่าที่ดูเป็นลักษณะให้บริษัทแจ้งงบการเงินเข้ามา แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบเชิงรุก ตรงนี้อยากให้มีการแก้ไขในอนาคต

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม