หน้าแรก > อาชญากรรม

“บิ๊กก้อง” เรียกประชุมคดี “กำนันนก” ยืนยันทำคดียุติธรรม ไม่รีบเร่ง ยึดหลักพยานหลักฐาน

วันที่ 18 กันยายน 2566 เวลา 20:44 น.


พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดี "กำนันนก" สั่งการยิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิต พร้อมแถลงหลังจากร่วมประชุมกับหน่วยงาน 11 หน่วยงาน ภายใต้สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่า ตำรวจสอบสวนกลางได้ขอโอนคดีที่เกี่ยวข้องกันเหตุยิงพันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว มาให้กองปราบรับผิดชอบตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน หรือ 1 วันหลังเกิดเหตุ เนื่องจากมองว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่มีความรุนแรงและเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หากให้ตำรวจในพื้นที่ดำเนินการอาจถูกแทรกแซงได้ ซึ่งขณะนี้คดีมีความคืบหน้ามากกว่า 70%แล้ว

ส่วนการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาความผิดมาตรา 157 กับนายตำรวจ ที่ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ที่เหลือ 13-14 รายนั้น ต้องขอพิจารณาพยานหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมให้มีความชัดเจนมากที่สุดทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ คาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า ยืนยันว่าไม่ใช่การให้ความช่วยเหลือผู้ใดอย่างแน่นอน แต่ต้องการทำให้ข้อมูลมีความครบถ้วนสมบูรณ์ จะไม่รีบสรุปเพื่อให้ถูกใจคนดู แต่ข้อมูลผิดพลาดและเกิดผลกระทบกับคนอื่น คดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล หากตนเองช่วยเหลือใครก็ถือว่าตนเองใช้ไม่ได้

หลังจากได้รับโอนคดีมาแล้ว ทุกหน่วยงานในสังกัดตำรวจสอบสวนกลางจะดำเนินการตรวจสอบทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับกำนันนก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบทรัพย์สิน การฮั้วประมูล มีพบข้อพิรุธหลายประเด็น ซึ่งยินดีให้ความร่วมมือ และทำงานได้กับทุกหน่วยงานรวมถึงชุดทำงานของพลตำรวจออกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย

ส่วนข้อมูลจากกล้องวงจรปิดในจุดสำคัญที่ไม่สามารถบันทึกภาพได้หลังเวลา 10:00 น. ในวันเกิดเหตุนั้นเบื้องต้นมีสมมุติฐานว่าอาจเกิดจากเจ้าบ้านติดกล้องหรือลบทำลายข้อมูล ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบแต่ยืนยันว่าแม้จะไม่สามารถกูข้อมูลจากกล้องในจุดดังกล่าวได้ แต่มั่นใจในพยานหลักฐานอื่นที่มีอยู่ทั้งคำให้การของพยานอาวุธปืนมูลเหตุจูงใจที่จะเอาผิดผู้ต้องหาให้ถึงที่สุดได้ อย่างไรก็ตาม ทางกองปราบปรามเชื่อว่าไม่ได้เป็นการเตรียมการเพื่อนทำร้ายสารวัตรศิวกรมาแต่แรก

พลตำรวจโทจิรภพ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะเน้นกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ที่ข่มขู่คุกคามประชาชน และไม่ใช่เพียงการตรวจค้นบางจุดแล้วเสร็จสิ้น จะใช้เวลาสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีให้หมดทั้งเครือข่าย ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องปราบปรามส่วยสติกเกอร์นั้นยืนยันว่าหลังจากที่ตำรวจสอบสวนกลางได้เข้ามาดำเนินการแล้ว ตามหาส่วยสติกเกอร์ดีขึ้นเกือบ 100% อาจหลงเหลือในบางส่วนแต่ยืนยันว่าจะกวาดล้างให้หมด

พล.ต.ท.จิรภพ ยืนยันว่า ทุกคดีที่สอบสวนกลางทำ อาจจะไม่ทันใจประชาชน แต่จะต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบรัดกุม ไม่ใช่ไฟไหม้ฟางตรวจค้น 10 จุด แล้วก็เงียบหายไป พร้อมยืนยันไม่ได้มีปัญหา อะไรกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์หักพาลรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นการดีเสียด้วยที่ชุดทำงานของรองผบ.ตร.สืบสวนสอบสวนได้พยานหลักฐานมามากขนาดนี้

ด้านพลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้วรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องการทุจริตรับส่วยสติกเกอร์ก่อนหน้านี้ พบมีตำรวจทางหลวงเกี่ยวข้องกระทำความผิดต่อหน้าที่ 29 นาย ส่งสำนวนให้สำนักงานป.ป.ช.พิจารณาไปแล้ว 6 นาย และล่าสุดได้ตรวจสอบพบและสั่งย้ายตำรวจเพิ่มไปแล้วอีก 4 นาย ขณะที่ธุรกิจรถบรรทุกของกำนันนก แม้ว่ารถบรรทุกในบริษัทของอดีตกำนันนกจะไม่มีรูปแบบสติกเกอร์ที่ติดไว้บนรถอย่างชัดเจน แต่ก็พบว่าได้ติดชื่อบริษัทเอาไว่ที่หน้ารถ ทำให้เชื่อได้ว่าอาจเป็นจุดสังเกตที่ทำให้ตำรวจทางหลวงรู้กันว่าเป็นรถของบุคคลใด เชื่อว่าคดีนี้ยังตรวจสอบอีกนานเพราะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

เมื่อถามว่าในจังหวัดนครปฐม ตำรวจทางหลวงเคยจับกุมสวยสติ๊กเกอร์เครือข่ายกำนันนกมาก่อนหรือไม่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติบอกว่า ที่ผ่านมามีการจับกุม และกวาดล้างไปพอสมควรไม่ใช่แค่ รถบรรทุกของบริษัทกำนันนกเท่านั้น

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีพันตำรวจเอกวชิรา ยาวไทยสงค์ หรืออผู้กำกับเบิ้ม ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ช่วยเหลือผู้บังคับใต้บังคับบัญชา ว่า จากภาพยืนยันว่าผู้กำกับเบิ้มได้ช่วยเหลือ สารวัตรแบงค์จริง จึงอยากขอคืนความเป็นธรรมให้กับผู้กำกับเบิ้มด้วย

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม