วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11:42 น.
วันที่ 14 พฤศจิกายน 68 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ. จำนวน 72 นาย และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร จำนวน 8 นาย รวมทั้งสิ้น 80 นาย ตรวจค้นจับกุม ทั้งสิ้น 11 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก , จ.เชียงใหม่ , จ.ลำปาง และจ.กรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 9 ราย และตรวจค้นสถานประกอบกิจการ ตามหมายค้น 2 จุด ได้แก่ อาคารพาณิชย์ ถ.สายเอเชีย จ.ตาก และ โกดัง ที่อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกฯตามมาตรา 86/13” , “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน” และ“เจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี”อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) (6) (7) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี
ต่อ 1 กรรมการกระทำความผิด ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งพบว่าการกระทำความผิดของผู้ต้องหาแต่ละรายมีจำนวนหลายกรรมตรวจยึดของกลาง ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว
1. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษี จำนวน 30,000 ฉบับ
2. คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 7 เครื่อง
พฤติการณ์ ด้วยตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.2 บก.ปอศ. และ กรมสรรพากร ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบการกระทำความผิดของเครือข่ายฉ้อโกงภาษีของนายสอ (นามสมมุติ) กับพวก ซึ่งได้ใช้เครือญาติและพนักงานของตน จดจัดตั้งร้านค้าและบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) แล้วแสร้งทำการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเป็นทอด ๆ
โดยไม่มีการซื้อขายกันจริง เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าในแต่ละทอดให้สูงขึ้น ส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนที่สูงขึ้นตามมูลค่าสินค้า จากนั้นใช้บริษัทที่จดทะเบียนส่งออก ที่เป็นเครือข่ายตนเอง ทำการซื้อสินค้าทอดสุดท้ายที่ราคาสูงเกินจริง แล้วส่งออกสินค้าไปยังประเทศพม่า เพื่อสร้างภาพของการส่งออกสินค้าโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกสินค้า (VAT 0%) แล้ว ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) จากภาษีซื้อของมูลค่าสินค้าทอดสุดท้าย อันเป็นเท็จจากกรมสรรพากร ซึ่งสร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นจำนวนกว่า 1,100 ล้านบาท
ซึ่งต่อมาในเดือนมิถุนายน 2568 บก.ปอศ. ได้ร่วมกับกรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการปิดเกมส์กลโกงภาษี โดยได้ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายของนายสอ เป็นจำนวน 10 ราย และขออนุมัติศาลออกหมายค้น เพื่อเข้าตรวจค้นสถานประกอบกิจการ จำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก , จ.เชียงใหม่ และ กทม. พร้อมกันนั้นได้ตรวจยึดอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์จำนวน 51 เครื่อง และเอกสารทางบัญชีกว่า 100,000 ฉบับ
จากความสำเร็จในการปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายฉ้อโกงภาษี ในเฟสที่ 1 กก.2 บก.ปอศ. และ กรมสรรพากร ยังได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มเครือข่ายนี้เรื่อยมา จนพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม กล่าวคือ พบร้านค้าและบริษัทของกลุ่มเครือข่าย อีกจำนวน 7 แห่ง ที่ใช้แผนประทุษกรรมในลักษณะเช่นเดียวกันในการฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ที่แตกต่างออกไปจากเฟสที่ 1 คือ พบจำนวน 2 บริษัท ที่มิใช่บุคคลในเครือญาติหรือพนักงานของนายสอ เหมือนในครั้งก่อน
แต่เป็นบริษัทนอกเครือข่ายที่มีการประกอบกิจการจริง มีหน้าร้าน มีสินค้าจริง แต่พบว่ามีการออกใบกำกับภาษีที่ไม่มีการซื้อขายสินค้าให้แก่กันจริงกับบริษัทส่งออกของเครือข่ายฯ โดยตรวจพบว่ามีการนำใบกำกับภาษีที่เหลือจากการออกให้บุคคลธรรมดาที่ไม่มีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (บิลเหลือ) แล้วออกให้กับกลุ่มร้านค้าของเครือข่ายฯ อีกทั้งยังพบว่ามีการออกใบกำกับภาษีให้กลุ่มเครือข่ายฯ โดยรับค่าตอบแทน (ขายบิล)
จากการตรวจสอบบริษัทส่งออกในเครือข่ายทั้ง 2 บริษัท พบว่ามีการจดจัดตั้งขึ้นในช่วงต้นปี 2565 แต่กลับมียอดการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร เฉพาะห้วงปี 2565 (ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน) เป็นจำนวนเงินกว่า 60 ล้านบาท และจากการประเมินภาษีของทั้งเครือข่ายที่ได้ตรวจพบจากการขยายผลเพิ่มเติมในครั้งนี้ พบว่ามีมูลค่าความเสียหาย เป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เจ้าพนักงานตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมเป็นจำนวน 9 ราย และได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นเพื่อเข้าทำการตรวจค้นสถานประกอบกิจการของกลุ่มเครือข่ายอีกจำนวน 2 จุด
ท้ายที่สุด ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ปฎิบัติการดังกล่าว ซึ่งในการปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นการปิดฉากเครือข่ายฉ้อโกงภาษีของรัฐ ที่ได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศในภาพรวม อย่างเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่ง และจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น มีผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพ และบางรายให้การปฏิเสธ







10 ธันวาคม 2568
10 ธันวาคม 2568
ทต.หาดเล็ก ขอรับบริจาคอวนประมง ด่วน "เพื่อใช้ยุทธวิธีทางทหาร"
10 ธันวาคม 2568
10 ธันวาคม 2568
ทต.หาดเล็ก ขอรับบริจาคอวนประมง ด่วน "เพื่อใช้ยุทธวิธีทางทหาร"