วันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เวลา 06:53 น.
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2568 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผบช.น. พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.อนันต์ วรสาสตร์ ผกก.สน.บางเขน ตรวจสอบเหตุวิ่งราวทรัพย์ บริเวณริมถนนภายในซอยพหลโยธิน 48 จากปากซอยเข้าไป ประมาณ 5 เมตร ต่อเนื่องไปถึงบริเวณหน้ากรมทหารสื่อสาร ตรงช่องทางเดินรถที่ 3 ขวาสุด ถนนมี 3 ช่องทางเดินรถ อนุสาวรีย์ บางเขน กทม
จากการตรวจสอบพบผู้เสียหาย อายุ 61 ปี ผู้เสียหายหญิง ทรัพย์สินเสียหายสร้อยคอทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท ราคาประมาณ 60,000 บาท จากการสอบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุ เป็นชายไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง รูปร่างสันทัด สูงประมาณ 170 ซ.ม. ขณะก่อเหตุไม่สวมหมวกกันน็อต สวมแว่นตาใส สวมเสื้อยืดโปโลสีชมพู สวมกางเกงขายาว (จำสีไม่ได้) ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นคลิก 125 ไอ สีเทา ดำ ทะเบียน กรุงเทพฯ ช่วงเวลาประมาณ 08.55 น.
ผู้เสียหายได้ขับขี่รถ จยย.ฮอนด้าคลิก สีแดง ทะเบียน สระบุรี ออกมาจากการซื้อของจากตลาดยิ่งเจริญ มุ่งหน้ามาตามถนนโยธิน เพื่อจะกลับบ้านภายในซอยพหลโยธิน 48 ขณะเกิดเหตุได้จอดรถรับสายโทรศัพท์ทางไลน์ จากบุตรสาวเข้าไปในซอยดังกล่าวประมาณ 5 เมตร ต่อมาได้มีผู้ต้องหาขับขี่รถจยย. มาจอดข้างผู้เสียหายและสอบถามว่า “ป้าครับ พหลโยธิน 69 ไปทางไหนครับ” ผู้เสียหายตอบว่า “อยู่ฝั่งโน้น” พร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังถนนพหลโยธินฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้ขับขี่รถเข้าไปในซอยพหลโยธิน 48 ประมาณ 3 – 5 เมตร
ต่อมากลับรถมาหาผู้เสียหายลักษณะ รถหันหน้าสวนทางกันแบบขนาบข้าง ระยะห่างของรถทั้ง 2 คันไม่ถึง 1 เมตร โดยรถของผู้ต้องหาหันหน้ารถไปทางถนนพหลโยธิน พร้อมทั้งใช้มือข้างขวากระชากสร้อยคอทองคำผู้เสียหายไป และขับขี่รถหลบหนีออกไปยังถนนพหลโยธิน ต่อมาผู้กล่าวหาได้ตะโกนเรียกพลเมืองดีเพื่อขอความช่วยเหลือว่า “ช่วยด้วย ๆ มีคนกระชากสร้อย” โดยขณะนั้นไม่มีพลเมืองดีอยู่ที่เกิดเหตุให้ความช่วยเหลือ ผู้เสียหายจึงขับขี่รถติดตามผู้ต้องหาไป
ต่อมาทราบว่ารถผู้ต้องหาขับขี่เฉี่ยวชนบริเวณด้านท้ายรถยนต์โตโยต้า รีโว้ สีบอร์นเงิน ทะเบียน กรุงเทพฯ โดยจุดชนจะอยู่บริเวณหน้ากรมทหารสื่อสาร ต่อมาผู้เสียหายขอให้ผู้ต้องหาคืนสร้อยคอทองคำมาว่า “เอาทองกูคืนมา ๆ” ผู้ต้องหาพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้เอา”
ต่อมาผู้เสียหายได้ ตะโกนเรียกให้พลเมืองดีเพื่อขอให้ช่วยจับกุมตัว ระยะห่างหว่าง ผู้เสียหายกับผู้ต้องหาประมาณ 1 เมตร ต่อมาผู้ต้องหาวิ่งไปที่บริเวณริมถนนตรงบริเวณหน้ากรมทหารสื่อสาร เรียกรถยนต์แท็กซี่รับจ้างสาธารณะที่ฝั่งเดียวกัน และหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุดที่ สน. บางเขน
ต่อมาพ.ต.ต.ยุรนันท์ เพชรมณี สว.สส.สน.บางเขน พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนสน.บางเขน ได้ติดตามจับกุมนาย พี (นามสมมุตติ) อายุ 43 ปี บริเวณข้างม.กรุงเทพฯ ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
จากการตรวจสอบทราบว่า นายพี (นามสมมุตติ) จะมาปรากฎตัวที่บริเวณปากซอยวิภาวดีรังสิต 62 จึงได้นำกำลังไปเฝ้าสังเกตุการณ์ ต่อมา. นายพี (นามสมมุตติ) ได้ขับขี่รถยนต์โตโยต้าอัลติส สีขาว ทะเบียน กรุงเทพฯ มาถึงบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นายพี (นามสมมุตติ) เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวหลบหนี ตามเส้นทางถนนวิภาวดี (ขาออก) มุ่งหน้ารังสิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามอย่างกระชั้นชิด
และระหว่างทางผู้ต้องหาได้ขับขี่เฉี่ยวชนรถยนต์ผู้อื่นจำนวนหลายคัน จนมาถึงบริเวณ ข้างม.กรุงเทพฯ สามารถควบคุมผู้ต้องหาไว้ได้ ระหว่างจับกุม รถกระบะของฝ่ายสืบสวนสน. บางเขนถูกเฉี่ยวชนด้านหน้าได้รับความเสียหายอีก
จากการสอบสวนทราบว่า สาเหตุที่ก่อเหตุไปนั้นเนื่องจากต้องการนำเงินไปใช้หนีเพื่อน โดยยืมรถจยย. ของรปภ. บริษัทผลิตอาหารที่ทำงานอยู่มาก่อเหตุ ก่อนที่จะเอารถมาจอดทิ้งไว้เปลี่ยนรถหลบหนี
จากการตรวจสอบเหลือเงินจากการขายทองได้เพียงเกือบ 30,000 บาท แต่ก่อนเคยเป็นเชฟทำอาหารมาก่อนหน้าที่จะมาทำงานเป็นหัวหน้าในการทำงานที่บริษัทผลิตอาหารดังกล่าว เบื้องต้นแจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ ก่อนควบคุมผู้ต้องหาไปสน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป





8 ธันวาคม 2568
8 ธันวาคม 2568