หน้าแรก > อาชญากรรม

รวบอดีตโบรกเกอร์เหรียญดิจิทัลสุดแสบ หลอกเหยื่อโอนเหรียญดิจิทัล ซุกกระเป๋าส่วนตัว

วันที่ 15 กรกฎาคม 2024 เวลา 05:08 น.


รวบอดีตโบรกเกอร์เหรียญดิจิทัลสุดแสบ หลอกเหยื่อโอนเหรียญดิจิทัล ซุกกระเป๋าส่วนตัว

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) โดย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น กก.2 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุม นายพิเชษฐ์ อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียทายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” จับกุมได้ที่ คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีผู้เสียหายมีอาชีพในการเก็งกำไรจากการแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี่) โดยใช้บริการกับบริษัทโบรกเกอร์แห่งหนึ่งของประเทศไทย ต่อมาได้ถูกคนร้ายหลอกลวง โดยอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทโบรกเกอร์ดังกล่าว และได้ชักชวนลงทุนกับอีกบริษัทหนึ่งอ้างว่าได้กำไรดีกว่า ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ย้ายไปใช้บริการกับอีกบริษัทดังกล่าว โดยคนร้ายได้ปลอมบัญชีไลน์ OFFICIAL ของบริษัทขึ้นมาทำการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปโดยอ้างว่าเพื่อขายเหรียญดิจิทัลเก็งกำไร ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงิน จึงทราบว่าถูกหลอกลวง และมาพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.

จากการสืบสวนทราบว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผู้เสียหายได้โอนไปได้มีการยักย้ายถ่ายเทเหรียญดิจิทัลไปกระเป๋าเงินดิจิทัลอื่นๆ จากการตรวจสอบพบมีผู้รับผลประโยชน์คือนายพิเชษฐ์ฯ โดยนายพิเชษฐ์ เคยทำงานที่บริษัทโบรเกอร์แลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลก่อนถูกให้ออกจากงาน และยังพบว่ามีประวัติคดีในข้อหาฉ้อโกง โดยข้อมูลหลายส่วนพอยืนยันได้ว่านายพิเชษฐ์ เป็นผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจริง เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญา  เจ้าหน้าที่ตำรวจจจึงได้ทำการสืบสวน จนกระทั่งทราบว่านายพิเชษฐ์ฯ ได้หลบหนีไปกบดานที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จึงได้ออกสืบสวนและเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณคอนโดดังกล่าว จนกระทั่งพบนายพิเชษฐ์ฯ เดินลงมาจากคอนโด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับดังกล่าว และได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่ใช้ในการก่อเหตุ จากนั้นนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงาน สอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

ข่าวยอดนิยม