ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่าย 15 เครือข่าย นักค้ายารายใหญ่ ยึดยาบ้ากว่า 40 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1 ตัน และเฮโรอีน 80 กก.

โดยคดีแรก เป็นการจับกุม 2 ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นสามีภรรยา ในพื้นที่อยุธยา ปทุมธานี โดยผู้ต้องหามีการ รับยาเสพติดจากในพื้นที่จังหวัดนครพนม ลำเลียงส่งต่อ มาในพื้นที่ภาคอีสาน กระทั่งทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ จ.นครราชสีมา พร้อมยึดยาบ้ากว่า 11 ล้านเม็ด ที่ส่งซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะ

คดีที่สอง ตำรวจ ปส.ร่วมกันกับทางตำรวจทางหลวง และภูธรภาค 8 จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ส่งต่อให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยสามารถจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ 1 รายบริเวณด่านตรวจยานพาหนะชุมพร พร้อมยึดยาบ้า 5 ล้านเม็ด ที่ซุกซ่อนในตัวถังของรถบรรทุกกากน้ำตาล

คดีที่สาม สี่ ห้า เป็นการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ยาบ้าได้รวมกว่า 5 ล้านเม็ด ซึ่งทั้ง 3 คดีเป็นการซุกซ่อนยาเสพติด มาในช่องดัดแปลง และห้องโดยสารของรถที่ผู้ต้องหาขับมา เพื่อที่จะลำเลียง ส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ

อีกคดี ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหา 8 ราย พร้อมยึดยาบ้าได้กว่า 5 ล้านเม็ด, ยาไอซ์ 122 กิโลกรัม และคีตามีนอีก 20 กิโลกรัม โดยคดีนี้ผู้ต้องหาเป็นกลุ่มลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถกระบะตู้ทึบ ถึง 3 คันเจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าติดตาม จนกระทั่งพบขบวนการของแก๊งดังกล่าว เข้ามาในพื้นที่อำเภอลำลูกกาจังหวัดปทุมธานี เพื่อที่จะนำยาเสพติดมาเก็บไว้ในบ้านพัก กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด

และคดีที่น่าสนใจ ทางตำรวจ ปส. 1 สืบสวนพบว่าจะมีการส่งยาเสพติดที่ซุกซ่อนในสินค้าชนิดต่างๆ ไปยังต่างประเทศ จึงประสานงานกับบริษัทขนส่งพัสดุ เฝ้าติดตามกระทั่งได้รับแจ้งว่ามีพัสดุต้องสงสัย เตรียมส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย เมื่อตรวจสอบและเปิดกล่องดังกล่าวพบถุงบรรจุงาคั่วเม็ด ถูกซีลด้วยระบบสุญญากาศ และซุกเฮโรอีนพร้อมยาไอซ์ โดยมียาไอซ์น้ำหนักรวม 300 กิโลกรัม และเฮโรอีนอีกกว่า 80 กิโลกรัม จากนั้นขยายผลจับกุมผู้ส่งพัสดุได้คือนางสาว กัญญณัช และแจ้งข้อหาพยายามส่งออกซึ่งยาเสพติด โดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนคดีสุดท้าย เป็นการจับกุมเครือข่ายนะคะยาเสพติดต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกยาเสพติดไปยังต่างประเทศ รวมถึงนำบางส่วนขายให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยเองด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่สามารถยึด ยาไอซ์ได้ 20 กิโลกรัม และจับกุมชายไทย ได้ 1 ราย ย่านสาธุประดิษฐ์ โดยจากการสืบสวนพบว่ามีการเตรียมที่จะส่งยาเสพติดจำนวนนี้ไปยังต่างประเทศ กระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาสัญชาติเนปาล และคนไทยได้อีก 1 ราย ซึ่งถือเป็นผู้ร่วมขบวนการ และ ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 1 คัน, เงินสด 12,000 บาท และทองรูปพรรณ 11 รายการ

โดยการปราบปรามยาเสพติดในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 811 คดี ผู้ต้องหา 1,152 คน ยาบ้า 261,626,536 เม็ด, ไอซ์ 5,857 กิโลกรัม, เฮโรอีน 342 กิโลกรัม, คีตามี 2,041 กิโลกรัม, ยาอี 1,407 เม็ด และอายัดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบมูลค่า 1,681 ล้านบาท