หน้าแรก > อาชญากรรม

หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.ปัตตานี บุกจับตามหมายฯ เชิญผู้นำชุมชนร่วมเจรจา เพื่อให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมอบตัว กลับขัดขืน-ต่อสู้ จนท.ยิงสวนดับ 2, คุมตัว 2 ราย

วันที่ 15 มีนาคม. 2024 เวลา 01:20


หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.ปัตตานี บุกจับตามหมายฯ เชิญผู้นำชุมชนร่วมเจรจา เพื่อให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมอบตัว กลับขัดขืน-ต่อสู้ จนท.ยิงสวนดับ 2 และควบคุมตัว 2 ราย

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดปัตตานี เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ พื้นที่ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี

(14 มีนาคม 2567) เวลา 04.00 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จังหวัดปัตตานี สนธิกำลังร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ,หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44, ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า, สถานีตำรวจภูธรสายบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ทำการบังคับใช้กฎหมาย ติดตามบุคคลเป้าหมาย ณ บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในพื้นที่ บ้านลูโบะซูลง หมู่ที่ 10 ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เนื่องจากได้รับแจ้งจากภาคประชาชนว่า พบบุคคลเป้าหมายเข้ามาพักพิงหลบซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อเตรียมการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของพี่น้องมุสลิม

ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่จัดกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายเพื่อทำการพิสูจน์ทราบบ้านเป้าหมายซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักโดยให้ผู้นำชุมชนมาเจรจาพูดคุย เพื่อให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมอบตัว ในระหว่างที่มีการเจรจาอยู่นั้น คนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดทางหลบหนีเจ้าหน้าที่จึงใช้อาวุธปืนประจำกาย ทำการยิงป้องกันตัว จนเกิดการปะทะกันเป็นระยะ ภายหลังสิ้นเสียงปืนจากคนร้าย เจ้าหน้าที่จัดกำลังเข้าตรวจสอบภายในบ้านเป้าหมาย ผลการปฏิบัติดังนี้

1. พบกลุ่มคนร้ายเสียชีวิต จำนวน 2 คน ทราบชื่อดังนี้.-  
1.1 นายอุสมัน อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี พฤติกรรม เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 1 หมาย  
- เลขหมายที่ จ.263/2564 ลงวันที่ 17/08/2021 ข้อหา : ร่วมกันสะสมกำลังพล หรืออาวุธ หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายฯ พฤติการณ์ : คดีวิสามัญผู้ก่อเหตุรุนแรง จำนวน 2 ศพ พื้นที่ สถานีตำรวจภูธรสายบุรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 สถานที่เกิดเหตุ สถาบันปอเนาะ มะอูฮัดซูบูลูซซาลาม หมู่ที่ 5 ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี

1.2 นายแพนดี อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี พฤติกรรมเป็นสมาชิกกลุ่ม ก่อเหตุรุนแรง ระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิ อาญา จำนวน 2 หมาย  
- เลขหมายที่ จ.32/2563 ลงวันที่ 29/01/2020 ข้อหา : ร่วมกันก่อการร้ายฯ พฤติการณ์ : เหตุคนร้ายยิงนายณัฎฐ์ เสียชีวิต สถานที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิงพีที ริมถนน สาย 42 (นราธิวาส-ปัตตานี) หมู่ที่ 10 ตำบลเตราะบอน เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2559

- เลขหมายที่ จ.587/2560 ลงวันที่ 08/10/2017 ข้อหา : ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ พฤติการณ์ : เหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารที่ 4412 บริเวณถนนสาย 42 (สายเก่า) บ้านเจาะกือแย หมู่ที่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 เวลาประมาณ 06.15 น.

2. ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย (เจ้าของบ้านเช่า) ส่งดำเนินกรรมวิธี ณ ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จำนวน 2 คน ดังนี้
2.1 นายมะการี 
2.2 นายบัสสัม

3. ตรวจยึดอาวุธปืนพก จำนวน 2 กระบอก รายละเอียด ดังนี้.-
3.1 อาวุธปืนพก ลูกโม่ ยี่ห้อ Smith & Wesson ขนาด .38 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก 
3.2 อาวุธปืนพก ยี่ห้อ Glock 19 ขนาด 9 มม. (หมายเลขปืนถูกขีดลบ) จำนวน 1 กระบอก  

ปัจจุบันอยู่ระหว่าง ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ดำเนินการตรวจเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ เมื่อแล้วเสร็จหน่วยได้นำศพ ผู้ก่อเหตุรุนแรง นำส่ง โรงพยาบาลสายบุรี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ได้ประสานให้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 แจ้งญาติให้มารับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

4. การปฏิบัติ : หน่วยฯ ประสาน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดปัตตานี ดำเนินการเข้าตรวจเก็บสารพันธุกรรม (DNA) ลายนิ้วมือ และวัตถุพยานที่ตรวจสอบในบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งนำอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้ ส่งมอบให้กับ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสายบุรี เพื่อดำเนินการต่อไป

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเรียนให้ทราบว่าการให้ที่พักพิงหรือหลบซ่อนตัวแก่ผู้กระทำผิด เป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิดหรือบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถโทรเข้ามาแจ้งได้ที่หน่วยงานความมั่นคง หรือหมายเลขสายด่วน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือสายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  โทร 061 - 1732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ศูนย์ประชาสัมพันธ์
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม