หน้าแรก > อาชญากรรม

ตร.ไซเบอร์รวบหนุ่มรับทำป้ายทะเบียนปลอม ส่งขายออนไลน์

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2024 เวลา 16:49 น.


ตร.ไซเบอร์รวบแอดมินเพจป้ายทะเบียนปลอม ส่งขายออนไลน์ ทำรายได้ครึ่งแสนต่อเดือน

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ สืบทราบว่ามีคนร้ายลักลอบปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถ โดยโพสต์ข้อความโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กในกลุ่มลับว่า รับทำป้ายทะเบียนรถทุกชนิดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเพื่อรวบรวมข้อมูล จากนั้นได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำที่ส่งผลให้มิจฉาชีพ หรือ คนร้ายสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือก่อเหตุอาชญากรรมได้

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จึงได้ติดต่อขอซื้อป้ายทะเบียนรถ พบว่าคนร้ายได้รับทำและจำหน่ายในราคาแผ่นละ 600-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของยานพาหนะ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแผ่นป้ายทะเบียนที่สั่งซื้อ จึงส่งตรวจพิสูจน์ต่อกรมการขนส่งทางบก พบว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนต่อ จนสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี เป็นแอดมินเพจออนไลน์ดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นและหมายจับในเวลาต่อมา

กระทั่งเช้ามืดของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 คือ บ้านพักของนายเอ (นามสมมุติ) ในพื้นที่ ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สามารถจับกุมนายเอ บุคคลตามหมายจับ พร้อมของกลางแผ่นป้ายทะเบียนปลอมประเภทต่างๆ จำนวน 67 แผ่น และ จุดที่ 2 คือ ห้องพักของตึกแถว ในพื้นที่ ต.สะพานยาว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่นายเอเปิดเป็นร้านรับทำป้ายทะเบียนปลอม ตรวจค้นพบแผ่นป้ายทะเบียนปลอมประเภทต่างๆ จำนวน 109 แผ่น ที่เตรียมจัดส่งให้แก่ลูกค้าจากทั่วประเทศ

เบื้องต้น นายเอ (นามสมมุติ) สารภาพว่าเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กรับทำป้ายทะเบียนปลอมจริง โดยประมาณปี 2562 ได้เปิดร้านทำกรอบป้ายกันน้ำให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาประมาณปี 2564 ได้เริ่มเห็นช่องทางการสร้างรายได้ทางออนไลน์ จึงได้สร้างเฟซบุ๊กแฟนเพจและกลุ่มลับเพื่อรับทำป้ายปลอม โดยคิดค่าจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนปลอมจากลูกค้าที่สนใจ ในราคาแผ่นละ 600 – 1,000 บาท โดยในแต่ละเดือนมีลูกค้าจากทั่วประเทศติดต่อเข้ามาสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรายได้ ประมาณ 30,000 – 50,000 บาท ต่อเดือน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา "ปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการฯ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ" นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท. 5 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

ข่าวยอดนิยม