ตำรวจแถลง กรณีพริตตี้สาวโพสต์เมาเป่าแอลกอลฮอล์ แต่ตำรวจไม่จับ ด้านพริตตี้สาว หอบกระเช้าขอโทษ อ้างพูดไม่หมด ทำคนเข้าใจผิด

16 เมษยน 2566 พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงขี้แจง กรณีพริตตี้สาวโพสต์ลงโซเชี่ยล ระบุว่ากลับจากทำงาน เมานิดหน่อย ผ่านด่านตรวจ เป่าจนปรอทแตก แต่ตำรวจปล่อยไม่โดนจับ

โดยจากการตรวจสอบภาพกล้องที่ติดตัวของตำรวจประจำด่าน พบเห็นรถของผู้โพสต์เข้ามาที่ด่านตรวจบนถนนรามอินทรา ได้ชะลอรถยนต์และเปิดกระจกด้านข้างคนขับ ขณะนั้นตำรวจได้พูดว่า “ขออนุญาตครับ” ก่อนจะส่องไฟฉายมาภายในรถยนต์ จากนั้นก็ขับออกจากรถยนต์ไปโดยใช้เวลาประมาณ 5 -10 วินาที เท่านั้น

ซึ่งขั้นตอนการตรวจคัดกรองรถยนต์ มีอยู่ 3 ขั้นตอน โดยรถยนต์คันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนแรก โดยจะสังเกตจากท่าทางพิรุธของคนขับ ก่อนที่จะตรวจวัดเบื้องต้น หากพบมีแอลกอฮอล์ก็จะเข้าสู่การตรวจวัดในจุดที่ 2 ถึง 3 และยืนยันว่าตำรวจตรวจทุกคนอย่างเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นบุคคลใด มีชื่อเสียงหรือไม่ ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ตามที่ผู้โพสต์กล่าวอ้างแต่อย่างใด วันนี้ ไม่มีการแจ้งข้อหากับผู้โพสต์ข้อความแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นข้อหาที่ยอมความได้ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อภัย เนื่องจากเป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

นางสาวสโรชา ยอมรับว่า ได้ดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างทำงานมาเล็กน้อยและไม่ได้เมา ซึ่งที่โพสต์ไปเพราะต้องการขอบคุณเจ้าของร้าน และคนที่พาไปทำงาน ซึ่งเป็นปกติที่จะโพสต์หลังเสร็จงานทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มีการโพสต์เกี่ยวกับเรื่องด่านตรวจไปด้วย เพื่อต้องการให้แฟนคลับและผู้ติดตามในเฟซบุ๊กเห็นใจว่าไปทำงานมา โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา รวมถึงตนเข้าใจไปเองว่า ไฟฉายที่ตำรวจส่องเข้ามาในรถ คือเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ จึงได้เป่าไปเต็มแรง พร้อมขอโทษทุกฝ่ายที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย เพราะความโก๊ะของคนเอง

ด้าน สิบตำรวจเอก ชนินท์ เพิ่มสุข ผู้บังคับหมู่งานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กก.5 บก.จร. ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ เล่าว่า ในวันดังกล่าวมีรถยนต์ผ่านด่านตรวจจำนวนมาก และจำไม่ได้ว่ารถของผู้โพสต์เป็นคันใด ซึ่งก็เป็นเพียงในขั้นตอนของการคัดกรองรถเท่านั้น ซึ่งตามขั้นตอนหากพบว่าคนขับมีพิรุธจริง หรือเข้าข่ายมีกลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากรถ ต้องให้เป่าอยู่แล้ว ยืนยันไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่