หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2568

วันที่ 14 ธันวาคม 2568 เวลา 05:09 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2568

>> ชาวบ้านเสาธงชัย ถูกระเบิดจากกัมพูชา บาดเจ็บ 2 ราย แขนขาด 1 ราย

08.59 น.ชาวบ้านเสาธงชัย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย จากระเบิดของกัมพูชาที่ยิงมาตกในบ้านประชาชน โดย 1 ราย แขนขาด อีก 1 ราย ถูกสะเก็ดระเบิดสาหัส โดยประชาชนทั้ง 2 ราย กลับจากศูนย์พักพิงมาที่บ้านในตอนเช้า เพื่อกลับมาดูสัตว์เลี้ยงที่บ้าน

ขณะที่ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งเตือนประชาชนว่ายังไม่หยุดยิง อย่าเพิ่งกลับเข้าบ้าน และขอให้ ชรบ.เข้าหลุมหลบภัยด้วย

ขณะที่เพจ Army Military Force โพสต์ข้อความระบุ "เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 โจมตีบ้านเรือนชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เบื้องต้นมีรายงานว่า ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางจำนวนหลายราย และบาดเจ็บสาหัส แขนขาดอีก 2 ราย"

>> ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์​ (ACSC) ระงับความเสียหายทันท่วงที เข้าช่วยเหลือเหยื่อวัย 76 ปี หวิดเสียทรัพย์ หลังถูกมิจฉาชีพลวงขายสร้อยทอง-แหวนเพชร อ้างโอนตรวจสอบคดีฟอกเงิน

09.44 น. ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เปิดข้อมูลการเข้าช่วยเหลือเหยื่อ ในวันที่ 11-12 ธ.ค.68 โดยพบว่ามีเคสรับแจ้งผ่านทางศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เกี่ยวกับแผนประทุษกรรมของคนร้ายโดยพบว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเป็นเรื่องของการโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมข่มขู่ว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องการกระทำความผิด

ซึ่งศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) สามารถประสานงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน ประกอบกับประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบพร้อมช่วยเหลือเหยื่ออย่างทันท่วงที โดยเป็นการเข้าตรวจสอบทั้งหมด 4 เคส และเราสามารถช่วยเหลือรวมทั้งระงับการโอนเงินของผู้เสียหายก่อนจะโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพได้ทั้งหมด 4 รายเช่นกัน คิดเป็นจำนวนเงิน 510,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมได้ 1 คดี ผลงานของศปอส.ภ.4 ที่เข้าทลายฟาร์มบัญชีม้าในพื้นที่จ.สกลนคร จับกุม 17 ผู้ต้องหา

สำหรับเคสที่น่าสนใจ เจ้าหน้าที่ warroom ศูนย์ ACSC ประสานเจ้าหน้าที่ ศปอส.ภ.5 เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย เป็นชาย อายุ 76 ปี หลังรับสายมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทแห่งหนึ่ง แจ้งว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และให้แอดไลน์ ชื่อไลน์ “สถานีตำรวจภูธรเมืองอ่างทอง”(ของปลอม) ก่อนจะแจ้งว่า ผู้เสียหายมีหมายจับให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดไปให้เพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงเตรียมสร้อยพระเลี่ยมทอง จำนวน 1 เส้น, ตุ้มหูเพชร 1 คู่ และแหวนทองเพชร จำนวน 2 วง มูลค่ารวม 165,500 บาท พร้อมเดินทางไปร้านทอง เพื่อที่จะนำไปขายและโอนเงินให้แก่คนร้าย เจ้าหน้าที่จึงเข้าแสดงตัว พร้อมแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่ากำลังถูกมิจฉาชีพหลอก ให้หยุดการกระทำดังกล่าว เป็นการระงับ ยับยั้งความเสียหายได้อย่างทันท่วงที

>> บอกต่อช่วยกัน รพ.สวนดอก จ.เชียงใหม่ เปิดรับบริจาคโลหิต เตรียมสำรองส่งช่วยชายแดน ไทย – กัมพูชา

10.50 น. โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดรับบริจาคโลหิต เพื่อเตรียมเลือดสำรอง สำหรับสนับสนุนการรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเตรียมความพร้อมในการจัดส่งโลหิตเพิ่มเติมหากพื้นที่ปลายทางมีความต้องการเร่งด่วน

ประชาชนที่ประสงค์จะร่วมบริจาคโลหิต สามารถติดต่อได้ที่

- งานธนาคารเลือด ชั้น 1 อาคารศรีพัฒน์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

- เปิดบริการทุกวัน 08:30 - 16:00 น. (หยุดพักเที่ยงเฉพาะวันหยุดราชการ)

- ที่จอดรถ: ด้านหลังอาคารศรีพัฒน์ (เข้าทางประตูระหว่างอาคารศรีพัฒน์และคณะเทคนิคการแพทย์)

>> ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ สกัดจับรถตู้หรูคาด่าน ดัดแปลงรถซุกยาเค มูลค่ากว่า 36 ล้านบาท

13.00 น. พลตรี ณัฏฐพงศ์ อัศวินวงศ์ ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ บูรณาการร่วมกับ นางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมาก จากบริเวณชายแดน จ.กาญจนบุรี เข้ามายังพื้นที่ตอนใน จึงสั่งการทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ บริเวณ จุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ ม.1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

พบรถยนต์ ยี่ห้อ Toyota Alphad สีขาว หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร ลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ขับมาจาก อ.สังขละบุรี มุ่งหน้า อ.เมืองกาญจนบุรี จึงให้สัญญาณหยุดรถเพื่อตรวจสอบ พบนายมอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี เป็นผู้ขับขี่ มีท่าทางพิรุธชัดเจน จึงทำการตรวจค้น พบว่ารถตู้คันดังกล่าวถูกดัดแปลงซุกยาเสพติด มีเคตามีน จำนวน 182 กิโลกรัม มูลค่า 36,400,000 บาท

ผู้ต้องหา ได้ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจาก นางดา (ไม่ทราบชื่อสกุล) ด้วยเงินจำนวน 5,000 บาท ให้ขับรถตู้คันดังกล่าวจากบ้านบ่อญี่ปุ่น อ.สังขละบุรี ไปยัง อ.เมืองกาญจนบุรี และหลังจากนั้นจะมีบุคคลไม่ทราบชื่อมารับรถตู้คันดังกล่าว แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน ควบคุมตัวส่ง สภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและขยายผลการจับกุมต่อไป

>> สลด! นักวิ่งเทรลวูบหมดสติกลางเขาฉลาก จ.ชลบุรี กู้ภัย–แพทย์เร่ง CPR สุดความสามารถ แต่ยื้อชีวิตไม่สำเร็จ

13.30 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดี พบชายนักวิ่งเทรลล้มหมดสติ บริเวณเขาฉลาก ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่เกิดเหตุพบชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อสีแดง กางเกงขาสั้นสีดำ ล้มหมดสติอยู่กลางเส้นทางเดินเทรล ห่างจากตีนเขาประมาณ 5 กิโลเมตร หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา ประสานทีมแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ผู้ประสบเหตุหยุดหายใจแล้ว เจ้าหน้าที่และทีมแพทย์พยายามช่วยปั้มหัวใจ (CPR) อย่างเต็มที่ ทว่าผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เบื้องต้นทีมแพทย์คาดสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจาก ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน อาจเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอและการใช้ร่างกายอย่างหักโหม ตรวจค้นในตัวไม่พบเอกสารประจำตัว พบเพียงโทรศัพท์มือถือ กุญแจรถ และเงินสดจำนวน 100 บาท

ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนและเพื่อนมาวิ่งเท ก่อนพบผู้เสียชีวิตล้มหมดสติ และช่วยกันปั้มหัวใจเบื้องต้น แต่ไม่เป็นผล จึงรีบแจ้งหน่วยกู้ภัย ร.ต.อ.สมคิด บุญลอย ร้อยเวร สภ.ศรีราชา อยู่ระหว่างประสานญาติผู้เสียชีวิต และมอบหมายให้หน่วยกู้ภัยนำร่างส่งโรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

>> อำเภอสั่งตรวจสอบ หลุมปริศนาระเบิดไฟลุกโกดังร้างบางพลี คาดขนสารเคมีมาฝังกลบเกิดความร้อนสะสม

17.00 น. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรับแจ้งเหตุเพลิงไหม้และมีเสียงระเบิดรุนแรงบริเวณพื้นที่โกดังร้าง ท้ายซอยบางปลา 42 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเหตุพบเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง และเกิดระเบิดจนเพลิงลุกโชนขึ้นสะเก็ดเพลิงกระเด็นไปทั่วในรัศมีโดยรอบที่เกิดเหตุ ทีมดับเพลิงใช้น้ำยาโฟมฉีดปากหลุมป้องกันไม่ให้เกิดการปะทุซ้ำขึ้นมาอีก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ แต่พบความร้อนสะสมในหลุมจำนวนมากถึงขั้นน้ำยังเดือดอยู่ตลอดเวลา หลังเพลิงสงบตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่กว้างประมาณ 5 เมตร ลึกประมาณ 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่และเฝ้าระวังการปะทุซ้ำ

พนักงานที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังพอหันมาดก็พบว่ามีการปะทุของแสงเพลิงอย่างรุนแรงคล้ายกับโรงงานพุระเบิด สะเก็ดไฟกระจายทั่วพื้นที่จึงรีบอพยพพนักงานออกมายังพื้นที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว เบื้องต้น นายอำเภอบางพลี ได้สั่งการ อบต.บางปลา ไปตรวจสอบผู้ประกอบการรายล่าสุดที่มีการเช่าพื้นที่ว่า ประกอบกิจการใดและมีการลักลอบฝังกลบสารเคมีชนิดใดหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

>> ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 13 ธันวาคม 2568

18.00 น. กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นวันที่ 6 โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้

พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ดำเนินกลยุทธ์และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่โล่งแจ้ง โดยฝ่ายกัมพูชาได้ต่อต้านด้วยการระดมยิงด้วย BM-21,ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิด

พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ยึดครองพื้นที่ตามแนวอ้างสิทธิ์ และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชายังคงพยายามต่อต้านด้วยการระดมยิงด้วย BM-21, ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง ดำเนินกลยุทธ์และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ต่อต้านด้วยการระดมยิงด้วย BM-21, ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ได้มีการปฏิบัติการร่วมกับกองทัพอากาศ โดยใช้อากาศยาน ทำลายคลังอาวุธและกระสุน และระบบสื่อสารของหน่วยป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายกัมพูชา ด้านตรงข้ามกับบ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน

สำหรับการเตรียมการรับคนไทยจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา กลับเข้าสู่ประเทศ ณ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศนั้น ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชา ยังคงควบคุมตัวไม่ปล่อยตัวกลับ เป็นวันที่ 3

ในส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยวันนี้มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เพิ่มเติมจำนวน 4 นาย สรุปยอดกำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่ 8 ธ.ค.68 - ปัจจุบัน บาดเจ็บ 48 นาย และเสียชีวิต 3 นาย ประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ใน 4 อำเภอ ทางจังหวัดสระแก้วร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 5 พื้นที่ จำนวน 43 ศูนย์ รวม 21,903 คน

>> ผบ.ตร. กำชับตำรวจเดินหน้า 5 ภารกิจพิทักษ์อธิปไตยชายแดนไทย – กัมพูชา “ตชด. และชุดปฏิบัติการพิเศษ” สู้แนวหน้า พิทักษ์ส่วนหลัง ปกป้อง สืบสวน ดูแล บังคับใช้กฎหมายเข้ม

18.30 น. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ส่งกำลังใจให้ตำรวจทุกหน่วย ทุกนาย ที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจพิทักษ์อธิปไตยชายแดนไทย - กัมพูชา ทั้งตำรวจที่เป็นกองกำลังแนวหน้าป้องกันชายแดน และร่วมพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง โดย ผบ.ตร.กำชับให้ตำรวจทุกนายเดินหน้าภารกิจตำรวจทั้ง 5 ด้านในสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยให้ระลึกเสมอว่านี่คือภารกิจสำคัญในการปกป้องชาติ รักษาอธิปไตย และปกป้องดูแลประชาชน พร้อมย้ำว่าผู้บังคับบัญชาพร้อมดูแลและสนับสนุนทุกด้านทั้งยุทโธปกรณ์ และสวัสดิการ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า 5 ภารกิจสำคัญของตำรวจในการพิทักษ์อธิปไตยไทย และปกป้องประชาชน ประกอบด้วย

1. ภารกิจตำรวจแนวหน้าร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารในการปฏิบัติการทางทหาร ประกอบด้วย ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และชุดปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งร่วมปฏิบัติการแนวหน้ากับกองทัพอย่างเข้มแข็ง กล้าหาญมาตลอด โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 13 ธันวาคม 2568) มีรายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว 24 ราย

2. ภารกิจปกป้องพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ดูแลบ้านเรือนพี่น้องประชาชนที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิง อำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการนำส่งผู้บาดเจ็บเข้าสู่โรงพยาบาล ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ด่านตรวจฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง ตรวจตราดูแลรอบศูนย์พักพิงและดูแลประชาชนในศูนย์พักพิง

3. ภารกิจสืบสวนข่าวและการสืบสวน โดยตำรวจรับหน้าที่ในการปฏิบัติการด้านการข่าวร่วมกับฝ่ายทหารและศูนย์รักษาความปลอดภัย หรือ ศรภ. รับหน้าที่ในการเฝ้าระวังตรวจตราอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน รวมทั้งการเฝ้าระวังบุคคลที่อาจเข้ามาสอดแนม โจรกรรมข้อมูลหรือก่อวินาศภัย ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง

4. ภารกิจดูแลโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 20 แห่ง และดูแลเด็กนักเรียน 728 คน ที่อยู่ในศูนย์พักพิงเพื่อให้อยู่อย่างปลอดภัยและสามารถรับการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่อง โดยมี ตชด.รับหน้าที่หลักในการดูแล

5. ภารกิจบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทุกฐานความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลตำรวจ และกองบินตำรวจ เป็นอีกสรรพกำลังสำคัญทำหน้าที่สนับสนุนและส่งต่อทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจทุกนายพร้อมปฏิบัติภารกิจนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยและความผาสุกของประชาชน

>> รมว.พม. ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่งคราว อ.เดชอุด ให้กำลังใจประชาชนจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

19.00 น. นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ณ ศูนย์พักพิงชั่งคราวในพื้นที่อำเภอเดชอุดม เพื่อพบปะเยี่ยมและเยียวยาให้กำลังใจ กลุ่มเปราะบาง อาทิ เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. และหน่วยงานทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดอุบลราชธานี , นายสมมาฏฐ์ โพธิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี , ผู้บริหารท้องถิ่น , ผู้นำชุมชน และผู้แทนเครือท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่ 

ข่าวยอดนิยม