วันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 20:50 น.
เวลา 13.30 น.วันนี้ (2 ธ.ค.68) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมืองทองธานี พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาที่การกระทำผิดในคดีสำคัญหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย จำนวน 4 คดี

คดีแรก สอท.สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ร่วมมือ สตม. สืบสวนจับกุมและส่งกลับ ผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการจีนเป็นชายชาวจีน อายุ 41 ปี ซึ่งกระทำความผิดฐาน ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย โดยผู้ต้องหาร่วมกับพวก ตั้งกลุ่มหลอกลวงคนจีนด้วยกัน โดยแอบอ้างมีธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการดี เพื่อนำไปกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ให้ปล่อยกู้อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีออกนอกประเทศก่อนหน้าที่จะมีการออกหมายจับ แล้วหนีเข้าไทยเมื่อวันที่ 25 พ.ค.67 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และไม่มีการต่อวีซ่า ปัจจุบันวีซ่าหมดอายุแล้ว จากการตรวจสอบพบข้อมูลการแจ้งที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังลงพื้นที่และเข้าจับกุมได้ สอบถามยอมรับว่าเป็นชาวจีนตามหมายจับดังกล่าวจริง แต่ไม่ให้การในเรื่องการกระทำผิดในประเทศจีน เบื้องต้น จึงได้จับกุม MR.PAN ในความผิด เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือ อยู่เกิน หรือ Overstay นำตัวส่ง พงส.สภ.บางละมุง และแจ้ง สอท.สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 2 ทางสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้ประสานข้อมูลให้ สตม. ช่วยติดตามตัวผู้ต้องหา 2 ราย ตามหมายจับของจีน หลังหลอกลวงชาวจีนด้วยกันไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมียนมาและกัมพูชา ซึ่งมีผู้เสียหายชาวจีนกว่า 120 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านหยวน หรือประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนหลบหนีมาไทย และแยกกันพักอาศัยในคอนโดย่านซอยสุขุมวิท 10 และซอยลาดพร้าว 102 ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมตัวได้ และได้ควบคุมตัวในความผิดอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นอกจากนี้ ยังพบตัว Miss CHENG (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของ MR.ZHANG อยู่ด้วยกันภายในห้องพัก จึงตรวจสอบกับตำรวจจีน ประจำ สอท.สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พบว่า ถูกทางการจีนออกหมายจับด้วยเช่นกัน ในความผิดเกี่ยวกับการรับของโจรและการช่วยเหลือชาวจีนให้ลักลอบออกนอกประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในแก๊งเดียวกัน จึงได้จับกุมดำเนินคดี และประสานทางการจีน เพื่อส่งตัวกลับไปดำเนินคดีตามหมายจับของทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป
คดีที่ 3 สืบเนื่องจาก สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไต้หวัน ประจำประเทศไทย ได้ประสานงานแจ้งข้อมูล คนร้ายชายสัญชาติไต้หวัน ซึ่งกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำยาเสพติดเข้าในไต้หวัน เป็นกัญชา น้ำหนักประมาณ 54.334 กก. ซุกซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าจากประเทศแคนาดาที่สำแดงว่าเป็นไม้เมเปิ้ล ก่อนจะจับผู้ร่วมขบวนการได้ 3 คน ส่วนคนร้ายรายนี้หลบหนีมาประเทศไทย โดยพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งในเขตจอมทอง ก่อนตำรวจจะเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
และคดีสุดท้าย สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำ สอท.อิตาลี ประจำประเทศไทย ได้ประสานงานร้องขอให้สืบสวน ติดตามจับกุม ชายชาวอิตาลี อายุ 26 ปี เนื่องจากถูกออกหมายจับคดียาเสพติด หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า คนร้ายรายนี้แอบซุกซ่อนยาเสพติดหลายชนิดมากับพัสดุต่างประเทศ โดยจะส่งไปให้แก๊งในอิตาลีเพื่อจำหน่ายลูกค้า และหลบหนีมาประเทศไทย ก่อนจับกุมตัวได้ที่คอนโดย่านเอกมัย กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ได้มอบหมายให้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการติดตามสืบสวนนำตัวส่งกลับไปยังประเทศอิตาลี จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้ต้องหาคนนี้ เดินทางเข้ามาในไทยเมื่อเดือน ต.ค.2568 ด้วยวีซ่า DTV และพบข้อมูลว่าพักอาศัยอยู่ในคอนโดมีเนียมย่านเอกมัย จนท.ชุดสืบสวนจึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว ซึ่งผลการตรวจค้นพบพักอาศัยอยู่ และไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงได้แจ้งคำสั่งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรควบคุมตัวส่งห้องกัก กก.3 บก.สส.สตม. หลังจากนั้นได้ประสานข้อมูลกับ จนท.ทูตฝ่ายตำรวจประจำ สอท.อิตาลี เพื่อเตรียมการส่งกลับประเทศอิตาลีเพื่อดำเนินคดีต่อไป และหลังจากนี้จะได้สืบสวนขยายผล ว่ามีเครือข่ายสนับสนุนยาเสพติดให้หรือไม่ อย่างไร
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง