วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23:58 น.
จับ 2 พี่น้อง แก๊งถอนเงินสด เครือข่ายหลอกลงทุน "เพจโอ้กะจู๋" ปลอม ขยายผลพบเพื่อนชวนให้ทำ
12 พย.68 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา3รายคือ นายธอ(นามสมมุติ)อายุ 22 ปี , น.ส.สอ(นามสมมุติ) อายุ 31 ปี , น.ส.สุ(นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ,ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุม นายธอ และน.ส.สอ ได้ที่อาคารคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับ น.ส.สุ ได้ที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง
สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ กก.3 บก.ปอท. ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกให้ลงทุนผ่านเพจ OHKAJU (โอ้กะจู๋) ปลอม ความเสียหายรวม 680,000 บาท โดยเริ่มจากเห็นโฆษณาทาง FACEBOOK โดยเพจ OHKAJU ปลอม เกี่ยวกับการลงทุนเทรดหุ้น แล้วเมื่อกดไปที่โฆษณาดังกล่าว จะทักไปในข้อความเพจโดยจะให้กดลิงค์เพื่อไปคุยต่อในแอพพลิเคชั่น LINE เป็น LINE OFFICAIL โดยคนร้ายอ้างว่า เป็นแอดมิน บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) แนะนำเกี่ยวกับการลงทุน จนกระทั่งผู้เสียหายสนใจที่จะลงทุน จึงโอนค่าเปิดพอร์ต จำนวน 3,000 บาท จากนั้นคนร้ายจึงดึงผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ จากนั้นคนร้ายได้ใช้ LINE อ้างว่าเป็นโบรกเกอร์ของบริษัทฯ จากนั้นผู้เสียหายได้โอนเงินลงทุน 699 บาท โดยจะได้ผลตอบแทน เป็นเงิน 2,784 บาท แต่หากจะถอนเงินต้องเสียค่าธรรมเนียม 30% โดยเมื่อผู้เสียหายโอนค่าธรรมเนียม 625 บาท พบว่าสามารถถอนเงินได้จริง จำนวน 2,784 บาท
จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงเลือกการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยโอนเงินอีกหลายครั้งจำนวน 17,000 บาท, 49,500 บาท และ 169,000 บาท โดยคนร้ายแจ้งว่าในพอร์ตมียอดรวมกำไรที่เทรดได้เป็นเงิน 1,705,009.02 บาท แต่หากจะถอนจะต้องโอนค่าธรรมเนียม 30% และเมื่อผู้เสียหายโอนเงิน 30% คือจำนวน 440,578 บาท ไปยังบัญชี นายวิ(นามสมมุติ) แล้ว คนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายทำบันทึกช่วยจำไม่ถูกต้อง ซึ่งผู้เสียหายบันทึกว่า
“โอนค่าคอม โอ้กะจู๋” แต่คนร้ายอ้างว่าต้องบันทึกว่า “ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์” โดยจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่ม ผู้เสียหายจึงเริ่มเอ๊ะ แล้วไปปรึกษากับพี่ชาย จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกแน่นอน จึงได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า บัญชีนายวิ (ม้าแถวที่1) มีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีม้าแถวที่ 2 คือ บัญชี นายธอ และพบว่ามีการถอนเงินสด จำนวน 1.14 ล้านบาท ที่สาขาของธนาคาร จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ในวันเกิดเหตุ พบว่า มีนายธอ เป็นผู้ถอนเงินด้วยตนเอง โดยมี น.ส.สอ พี่สาวของนายธอ เป็นผู้พานายธอ มาถอนเงินสดดังกล่าวและรับเงินสดไป
จากนั้นได้ ขออนุมัติหมายค้น เข้าทำการตรวจค้นห้องพักของ นายธอ เจ้าของบัญชีม้า, ผู้ถอนเงินสด และน.ส.สอ ผู้ที่พามาถอนเงินและรับเงินต่อ ที่ห้องพักย่านบางแวก โดยได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีที่เกี่ยวข้อง จากนั้นได้ซักถามขยายผลพบว่า นายธอ รับว่าทำหน้าที่ถอนเงินสดจริง โดยได้รับค่าจ้าง 1,500 บาทต่อการถอนเงิน 1 ล้านบาท และ น.ส.สอ พี่สาว เป็นผู้สั่งการและจัดหาคนเพื่อเป็นบัญชีม้า ได้รับค่าจ้างรายละ 1,000 บาท โดย น.ส.สอ ให้การรับว่ามีน.ส. แคท เพื่อนเป็นผู้ชักชวนให้หาคนเพื่อเปิดบัญชีม้าและถอนเงินสด และเมื่อถอนเงินสดได้แล้วจะนำเงินสดไปส่งต่อให้กับนายคมโดยมีนายตู่ เป็นหัวหน้าผู้สั่งการทั้งหมด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และจับกุมได้ในที่สุด