วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เวลา 12:15 น.
1 พฤศจิกายน 2568 นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) โดย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ สำเร็จแล้วกว่า 13.60 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 6,368.82 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 3,149.97 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 3,218.84 ล้านบาท
ความคืบหน้าของการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 23.00 น. มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วจำนวน 783,645 ราย
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ 200 บาท
"ขอย้ำถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการใช้จ่ายในโครงการฯ ว่า การใช้จ่ายในโครงการฯ จะต้องเป็นการซื้อขายสินค้า และบริการเฉพาะบริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ โดยไม่รวมถึงสินค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า
โดยผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการแบบพบหน้า (Face to Face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์หรือผ่านคนกลาง เว้นแต่การใช้สิทธิผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่เข้าร่วมโครงการฯ"
สำหรับผู้ประกอบการที่ให้บริการนวด และสปา ที่ประสงค์จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ขอให้ตรวจสอบชื่อและที่ตั้งของสถานประกอบการในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ให้ตรงกับใบอนุญาตสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจสอบ และอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ดังมีรายละเอียดวิธีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลร้านค้าถุงเงินบนเว็บไซต์ถุงเงินกรุงไทยปรากฏตาม QR Code
"จากการติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของร้านค้าในสื่อสังคมออนไลน์ ร่วมกับการวิเคราะห์ธุรกรรมของร้านค้าด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Analytics) กระทรวงการคลังได้ระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการฯ ของร้านค้าแล้วเป็นจำนวน 55 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) เนื่องจากมีพฤติการณ์รับแลกเงินและสแกนรับเงินห่างจุดขายแบบผิดปกติ จึงขอย้ำเตือนว่า กระทรวงการคลังจะดำเนินการเอาผิดกับร้านค้าที่ทุจริตในโครงการฯ อย่างถึงที่สุด"
ทั้งนี้สามารถแจ้งเบาะแสการทุจริต/ร้องเรียน กรุณาส่งข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน ข้อมูลติดต่อกลับของผู้แจ้งเบาะแส พร้อมหลักฐานประกอบที่เกี่ยวข้อง (เช่น ชื่อและที่ตั้งร้านค้า เป็นต้น) มายังช่องทาง ได้แก่ (1) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ halfhalfplus_cc@fpo.go.th หรือ (2) ไปรษณีย์ลงทะเบียน ที่อยู่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 ทั้งนี้ ขอรับรองว่า ข้อมูลของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อท่าน