วันนี้ (6 ต.ค.2568) พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุปล้นทองในห้างห้างฯ แห่งหนึ่ง อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.68 ) โดยได้ประชุมร่วมเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เพื่อติดตามคืบหน้าคดี ก่อนจะลงตรวจพื้นที่ก่อเหตุ โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า คดีนี้ คนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดี ไม่ใช่การปล้นทรัพย์ทั่วไป โดยพื้นที่ก่อเหตุแบ่งเป็น 3 จุดหลักสำคัญ คือ ในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี อ.สุไหงโกลก และ อ.แว้ง โดยคนร้ายแบ่งกันปฏิบัติการ เริ่มจากการปล้นรถยนต์จากชาวบ้านที่ อ.สุไหงปาดีก่อน เมื่อได้รถยนต์มาก็นำมาก่อเหตุปล้นทองที่ร้านทองในห้าง ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าคนร้ายมีกี่คน โดยคนร้ายใช้รถยนต์ 2 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 2 คัน รวมรถที่ใช้ทั้งหมด 4 คัน เป็นยาพานะในการก่อเหตุ โดยใช้เวลาปล้น ประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงหลบหนีไปเส้นทางสุไหงปาดี- แว้ง โดยคนร้ายนำรถไปจอดทิ้งไว้ยังบริเวณสวนปาล์ม รอยต่อบ้านตอออ และ บ้านฆอเลาะทูวอ อ.แว้ง ซึ่งห่างจากชายแดนไทย-มาลาเซีย ประมาณ 1 กิโลเมตร

จากนั้น พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เดินทางไปตรวจสอบ รถยนต์ 2 คัน ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ซึ่งจอดทิ้งไว้ภายในสวนปาล์ม บริเวณพื้นที่รอยต่อบ้านตอออ และ บ้านฆอเลาะทูวอ อ.แว้ง ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและ EOD ได้เข้าตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อรวบรวมวัตถุพยายขยายผลติดตามกลุ่มคนร้ายต่อไป ส่วนคนร้ายจะหลบหนีข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 เผยว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานยังไม่ขอสรุป ณ ตอนนี้

ด้านการช่วยเยียวยา นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวว่า การเยียวยาจะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ ร้านทองที่เกิดเหตุ และในส่วนที่เป็นเอกชน มี คปภ. เข้ามาดูข้อมูลเอกสารหลักฐาน นำเข้าสู่กระบวนการต่อไป ส่วนการเยียวยาของภาครัฐ มี 2 ส่วนเช่นกัน คือ กรณีที่เป็นทรัพย์สินเสียหาย สามารถเยียวยาได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ กรณีการเยียวยาผู้บาดเจ็บ จะเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์รับรองระดับของความบาดเจ็บ จากนั้น เข้าสู่กระบวนการเยียวยาในส่วนของตัวเงินต่อไป สำหรับมูลค่าทองคำ ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ ต้องมีการสืบสวนสอบสวนกันอีกครั้งว่าเป็นจำนวนมูลค่าเท่าไหร่

: สำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัดนราธิวาส