รวบบัญชีม้าถึงหน้าบ้าน ตรวจสอบพบมี 4 หมายจับ

กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) โดย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.6 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.ริน (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ตามหมายจับของศาล  

1. ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงวันที่ 8 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิด หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ”  

2.ศาลจังหวัดจันทบุรี ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก้ผู้อื่น”

3.ศาลจังหวัดแม่สอด ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน โดยประการที่ควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำทางอาญา”

4.ศาลจังหวัดนครปฐม ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต หรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” จับกุมได้ที่ บ้านหลังหนึ่ง ม.1 ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งว่าพบเห็น น.ส.ริน (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของศาล พักอาศัยอยู่ ม.1 ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จึงประชุมวางแผนและเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ น.ส.นาตาลีฯ นั่งอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งได้สอบถามชื่อ-สกุล ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับข้างต้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงสำเนาหมายจับให้ น.ส.ริน (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ดู และให้อ่านเองจนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว ในชั้นจับกุม น.ส.ริน (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ให้การยอมรับว่าตนเองเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริง และไม่เคยถูกจับตามหมายจับฉบับนี้มาก่อน และได้ทำการตรวจสอบประวัติและหมายจับเพิ่มเติมผ่านฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏพบหมายจับเพิ่มเติมอีกสามฉบับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้จัดทำบันทึกการจับกุม พร้อมนำตัวผู้ถูกจับนี้ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป