หน้าแรก > อาชญากรรม

ผบ.ตร.ส่งชุด PCT5 รวบวันเพ็ญเจ้าแม่แชร์ทอง 61 หมายจับ

วันที่ 18 มีนาคม. 2023 เวลา 13:48 น.


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  PCT ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ชุด PCT5 นำกำลังสืบสวนแกะรอย น.ส.วันเพ็ญ โคตรทะแก หรือ กวินา กันยากรสกุล หลังก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนด้วยการหลอกลวงขายทอง จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับไว้กว่า 26 หมายจับ ล่าสุดได้รับประสานงานพบหมายจับศาลอีกกว่า 35 หมายจับ รวม 61 หมายจับ พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 360 ล้านบาท เหยื่อผู้เสียหายกว่า 200 รายทั่วประเทศ ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 37 ล้านบาท หลังจากหายตัวไปชนิดที่เรียกได้ว่า “ไร้เงา” มาเป็นเวลากว่า 2 ปี ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 ร่วมกับ สืบนครบาล แกะรอยกว่า 1 ปีจนพบเบาะแส ก่อนเข้าทำการจับกุมตัวได้ในที่สุด

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 16.15 น. ชุด PCT5 นำกำลังติดตามจับกุมตัว น.ส.วันเพ็ญ โคตรทะแก อายุ 34 ปี โดยสามารถจับกุมได้ที่ หมู่ 4 ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

โดยผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จำนวน 61 หมายจับ

พร้อมทั้งตรวจยึด 
1. โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง (พบข้อมูลการตั้งวงแชร์อีกหลายวง) 
2. สมุดบันทึก จำนวน 1 เล่ม 
3 ซองใส่ซิม จำนวน 5 ชิ้น

พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2563 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 น.ส.วันเพ็ญ โคตรทะแก หรือ กวินา กันยากรสกุล ได้มีการไลฟ์สดผ่านทางเฟสบุ๊คโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนในการขายทอง โดยอ้างว่าจะนำทองมาจากต่างประเทศ โดยสามารถสั่งนำเข้ามาได้ในราคาเพียงบาทละ 3,000-4,000 บาท ซึ่งถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปมาก ซึ่งต่อมาได้มีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อและโอนเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่ง น.ส.วันเพ็ญฯ มีการส่งทองหรือจ่ายเงินตอบแทนให้กับผู้สั่งซื้อหรือร่วมลงทุนใน 2-3 ครั้งแรก ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่เคยร่วมลงทุนเดิมและยัง “ปากต่อปาก” ทำให้ยิ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมการลงทุนจำนวนหน้าใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยสุดท้ายเหล่าผู้เสียหายต่างทุ่มเงิน จำนวนมากมาร่วมลงทุนซื้อทองกับ น.ส.วันเพ็ญฯ ซึ่งต่อมาเมื่อได้เงินก้อนใหญ่แล้ว น.ส.วันเพ็ญฯ ได้หายตัวไป อย่างไร้ร่องรอยพร้อมเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 37 ล้านบาท เหยื่อผู้เสียหายกว่า 200 รายทั่วประเทศ ต่างได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะเงินส่วนใหญ่ของผู้เสียหายได้ทุบหม้อข้าวมาลงทุนกับ น.ส.วันเพ็ญฯ ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุทั่วประเทศ ซึ่งต่อมาได้มีสอบสวนจนนำมาสู่การออกหมายจับ และหมายจับของศาล จำนวน  61 หมายจับทั่วประเทศไทย ซึ่งจากการติดตามของเจ้าหน้าที่พบว่า น.ส.วันเพ็ญฯ ไม่เพียงหายตัวไป แต่จากการตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆก็ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆอีก เข้าขั้นที่เรียกได้ว่าไร้เงา

จนล่าสุด ชุด PCT5 ได้พบเบาะแสสำคัญจากร้านอาหารในละแวกพื้นที่กบดาลคือ “หนังควาย” ซึ่งเป็นอาหารที่ น.ส.วันเพ็ญฯ ชอบทาน จนนำมาสู่การสืบทราบว่าที่กบดาลของ น.ส.วันเพ็ญฯ ซึ่งเป็นเซฟเฮ้าส์ลับ มีรั้วสูงล้อมรอบมิดชิด ภายในชนบทใกล้เขาใหญ่ ซึ่งต่อมาพล.ต.ต.ธีรเดชฯ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และ สืบสวนนครบาลใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดักซุ่ม บริเวณป่าข้างทางใกล้กับเซฟเฮ้าส์ลับดังกล่าว จนกระทั่งได้พบ น.ส.วันเพ็ญฯ เดินออกมาจากรั้วเซฟเฮ้าส์ลับดังกล่าวลักษณะแต่งกายมิดชิด สวมหมวกปิดบังอำพรางไม่ให้ใครจำได้ แต่ไม่รอดสายตาของ พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว ซึ่งติดตามตัว น.ส.วันเพ็ญฯ มาเป็นเวลากว่า 1 ปี จึงสามารถจดจำลักษณะท่าทางได้แม้จะปิดบังอำพลางไว้แล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุมตัว น.ส.วันเพ็ญฯ ตามหมายจับ โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับให้ดูกว่า 26 หมายจับ โดยพบว่า น.ส.วันเพ็ญฯ ยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอีกกว่า 35 หมายจับ ซึ่งรวมทั้งสิ้น 61 หมายจับ โดยจับกุมที่บริเวณหมู่ 4 ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี โดยระหว่างการขยายผล ได้มีผู้เสียหายจำนวนมากที่เคยถูกหลอกลวงหลายรายเดินทางมาที่ บก.สส.บช.น. ได้ติดตามทวงถามถึงมูลหนี้ที่ได้ถูกโกงไป โดยกลุ่มผู้เสียหายกล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า “ได้ติดตามมาเป็นเวลานานแล้ว และไม่คาดคิดว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมตัวได้เพราะทราบมาว่า น.ส.วันเพ็ญฯ นั้นได้หลบหนีไปอยู่ในป่า ไม่คาดคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามจับกุมได้” จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในชั้นจับกุม น.ส.วันเพ็ญฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ได้เริ่มชักชวนคนใกล้ตัวรวมถึงผู้อื่นให้ร่วมวงแชร์ทางออนไลน์ ผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า วันเพ็ญ โคตรทะแก ซึ่งไม่เคยมีปัญหาใดๆ  จนถึงเมื่อประมาณเดือน ต.ค.2563  ได้เริ่มคิดอยากจะเปิดวงแชร์แบบใหม่ในลักษณะให้ออมทอง โดยได้ทำระบบการลงทุนออมทองไว้คือให้ผู้ลงทุนลงเงินก่อนเป็นจำนวนเงินที่ถูกกว่าราคาทองจริง ในตลาดเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ เป็นระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นจะส่งทองจำนวน 1 บาทไปให้ โดยวิธีการคือ จะสั่งซื้อทองที่ห้างทองสุพรรณ ผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาเต็มตามปกติ โดยในช่วงแรกที่เริ่มทำ ในขณะที่ทองคำราคาประมาณ 28,000 บาท ตนก็จะไปประกาศหาผู้ที่ต้องการ ลงทุนออมทอง โดยโฆษณาว่า สามารถออมทองในราคาเพียงแค่ 24,000 บาท โดยออมเป็นระยะเวลา 3 เดือน และจะได้รับทองคำจริงจำนวน 1 บาท ซึ่งสาเหตุที่ในช่วงแรกยังไม่ขาดทุนเพราะยังหาคนที่ อยากลงทุนออมทองต่อเนื่องลงเงินออมเพิ่ม และนำเงินส่วนต่างไปเพิ่มเติมในยอดเงินที่ขาดเพื่อให้สามารถ ซื้อทองคำในราคาเต็มได้และส่งจัดส่งทองคำที่ได้สั่งซื้อมาให้ผู้ลงทุนคนแรกๆ จึงทำให้น่าเชื่อถือว่าลงทุน จำนวนเงินน้อย แต่สามารถซื้อทองจริงได้ ซึ่งในช่วงเวลาที่มีผู้คนสนใจมากที่สุด มีลูกค้าจำนวนประมาณ 100 คน และมีนักลงทุนบางคนที่ร่วมลงทุนหลายครั้ง จนสะสมเป็นยอดออมทองประมาณ 50 บาท และในขณะนั้นมียอดเงินที่มีผู้ลงทุนอยู่ประมาณหลักแสนบาท เนื่องจากต้องหมุนเวียนเงินเพื่อให้ ระบบยังดำเนินต่อไปได้ หลังจากนั้นเมื่อประมาณ ต้นปี 2564 เริ่มเกิดปัญหา เนื่องจากไม่สามารถหาผู้ลงทุนใหม่ๆ มาลงทุนต่อได้ จึงได้เริ่มลดราคาโดยเปิดให้เริ่มออมทองในราคาบาทละ 8,000 บาท จากราคาเต็มประมาณ 30,000 บาท(ในขณะนั้น) เพื่อทำให้เกิดความน่าสนใจ และก็ได้มีผู้มาร่วมลงเงินออมทองจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถหมุนเวียนเงินได้ เพราะต้องนำเงินมาทบยอดไปมา จากลูกค้าหลายคนจนไม่สามารถซื้อทองให้ครบตามจำนวนของผู้ที่ลงทุนได้ จึงได้เริ่มมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นก็เริ่มย้ายที่อยู่และเปลี่ยนชื่อนามสกุลจริงเพื่อหลบหนี" 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า วิธีการที่ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวงนั้นมีความน่ากลัว เพราะมีการสร้างความน่าเชื่อถือหลอกเหยื่อให้ตายใจก่อนซึ่งด้วยวิธีการนี้ทำให้จำนวนเงินที่ผู้เสียหายตัดสินใจนำมาลงทุนนั้นจะมีจำนวนที่สูงกว่าการถูกหลอกลวงทั่วๆไป จึงขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์นั้นมีความเสี่ยง สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ฉะนั้นผู้ที่ยังทำหรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อได้ลงมือก่อเหตุ

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม