จับหนุ่มรับจ้างสแกนหน้าเปิดบัญชีม้า เผยตอนข้ามไปทำงานที่ปอยเปตมีรถมารับถึงที่ ค่าจ้างหลักหมื่นแต่พอหมดประโยชน์ถูกปล่อยลอยแพ ให้หาทางกลับเอง

กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดยพล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.(ชุมพร-ระนอง) ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวิทย์ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 24 มกราคม 2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องฯ”

สถานที่จับกุม ริมถนนเอเชีย 41กม.12 (ขาล่องใต้) ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร
สืบเนื่องจากขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจพื้นที่ภายในเขตรับผิดชอบ พบรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา  ขับแซงขึ้นมาทางช่องทางด้านขวา เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อตรวจสอบ เมื่อจอดรถชิดขอบทางด้านซ้าย จากการตรวจภายในรถพบนายวิทย์ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี นั่งบริเวณเบาะหลังฝั่งผู้ขับขี่ แสดงอาการพิรุธ ลุกลี้ลุกลน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบกับระบบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่า นายวิทย์ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี มีหมายจับ “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ ของ สภ.เมืองสงขลา จ.สงขลา เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับ ให้นายวิทย์ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ดูและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้มีชื่อในหมายจับ และรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน แต่อย่างใด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงจับกุมตัวนายวิทย์ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ผู้รับผิดชอบ เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายวิทย์ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ให้การว่า เมื่อประมาณ ช่วงเดือนตุลาคม 2567 ได้ถูกชวนให้ไปทำงานรับจ้างสแกนหน้าเปิดบัญชีม้า ให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศลาว ตอนขาไปมีรถมารับดูแลอย่างดี ให้ค่าจ้างหลักหมื่น โดยพบว่าทำร่วมกับคนไทยกว่า 10 ราย ถูกขังกินนอนทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน พอหมดประโยชน์ ก็ถูกปล่อยให้หาทางกลับเอง หักค่ารถ-ค่าเรือ เหลือเงินพันกว่าบาท และยังมาพบภายหลังว่าถูกผู้เสียหายแก๊งคอลเซนเตอร์เข้าแจ้งความจนถูกออกหมายจับ