รอง ผบ.ตร. แจงเหตุ ไม่บุกชาร์จ สารวัตรคลั่ง ตามกระแสสังคม

กรณี พ.ต.ท.กิตติกานต์ (สงวนนามสกุล) หรือ สว.กานต์ อายุ 51 ปี ตำแหน่งสารวัตร สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว บช.สันติบาล เกิดคลุ้มคลั่งใช้ปืนยิง ในบ้านพักย่านสายไหม ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา (14 มี.ค.66) โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าปิดล้อมบ้านพัก รวมทั้งให้พ่อแม่ และคนใกล้ชิดเข้าไปเจรจา แต่ยังไม่เป็นผล จากนั้นก็มีการยิงแก๊สน้ำตา ก่อนจะมีการยิงปืนสวนตอบโต้ออกมา

เมื่อเวลา 22.10 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. กล่าวภายหลังการประชุมหารือกับชุดทำงานเกลี้ยกล่อมว่า ขอยืนยันว่าจะไม่ทำตามกระแสสังคมที่ให้เร่งดำเนินการชาร์จตัว เพราะการใช้ชุดจู่โจมไม่ได้แปลว่าจะมีการชาร์จตัวเข้าจับกุมเพียงอย่างเดียว เพราะตามยุทธวิธีนั้นมีขั้นตอนหลากหลาย ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ใช้แก๊สน้ำตาชุดที่ 2 อีก แต่ได้เตรียมไว้ เพราะต้องการที่จะให้ สว.กานต์ มีท่าทีอ่อนลง

โดยประสานให้ทางนักจิตเวช นักจิตบำบัดมาคุยกับ สว.กานต์ ขอให้ได้ระบาย ถ้าพูดระบายเสร็จเป็นผล เจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง การเจรจาที่ผ่านมา สว.กานต์ระบายออกความเครียดเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน แต่บางครั้งพูดไปไกลเกินคนทั่วไป

สำหรับ สว.กานต์มีผู้บังคับบัญชาเห็นพฤติกรรมแล้วว่ามีอาการป่วยและไม่ได้กินยาต่อเนื่อง จึงเฝ้าระวังและพยายามให้การรักษามาตลอด แต่การขาดยาทำให้มีอาการดังกล่าว สุดท้ายขอฝากไปถึงประชาชน อย่าเพิ่งเข้าไปยังที่พักใกล้จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทางสำนักงานเขตสายไหม เพื่อหาที่พักผ่อนและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้เบ็ดเสร็จก่อน

เวลา 00.10 น. (15 มี.ค.66) ความคืบหน้าปิดล้อมคนร้ายคลุ้มคลั่ง พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุวิมล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจุดเกิดเหตุไว้แล้วรอระหว่างเจรจาโดยให้แพทย์ทางจิตเวชเป็นคนเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาเหตุการณ์ด้วย ตอนนี้สามารถจำกัดพื้นที่ได้ คนร้ายไม่ได้ไปคุกคามชาวบ้านหรือคนอื่นๆ ยังไม่ได้มีมาตรการบุกจู่โจมเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย  

“ขณะนี้เรามีโดรนซึ่งบินตรวจจับความร้อนทำให้เรารู้ว่าผู้ก่อเหตุยังอยู่ในพื้นที่เป้าหมายต้องรอเวลาในการที่จะเข้าไประงับเหตุเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดสำหรับทุกๆคน”