หน้าแรก > สังคม

ครม.ตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย "รองนายกฯ ภูมิธรรม" เป็นประธาน เพื่อให้เป็นเอกภาพในการแก้ปัญหา

วันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 14:16 น.


น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมหารือถึงสถานการณ์น้ำ ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างกว้างขวางในขณะนี้ โดยสถานการณ์เกิดขึ้นซ้ำซาก เรื้อรัง การบริหารจัดการน้ำ และการกักเก็บน้ำในภาคเหนือ ทำให้มีปัญหาน้ำท่วมทุกปี ต้องช่วยเหลือผู้ที่ลำบากทุกปี 

โดยเฉพาะในปีนี้มีมวลน้ำปริมาณมากและสถานการณ์ฝนตก มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา ตกเป็นจุดๆที่เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ที่กระทบโดยตรงและจะยิ่งหนักขึ้นทุกวัน จึงต้องมีแผนรองรับในการแก้ปัญหา แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ เฉพาะหน้าระบายน้ำไม่ให้ลุกลาม, หลังน้ำลด คือการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และการแก้ปัญหาในระยะยาวที่ต้องยกเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็น วาระแห่งชาติ เมื่อมีครม.ชุดใหม่แล้ว จะบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์

ที่ประชุมคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมบางพื้นที่คลี่คลายแล้ว แต่บางพื้นที่ยังหนัก เช่น จ.สุโขทัย เป็นพื้นที่รองรับน้ำก่อนระบายสู่จังหวัดต่างๆเนื่องจากคันกั้นน้ำไม่สามารถรับได้ เกิดพังทลาย และมีปัญหาการเวนคืนที่ดิน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบจัดตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย เพื่อให้เป็นเอกภาพในการแก้ปัญหา มีคณะกรรมการ การใช้งบประมาณ และอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน โดยมีนายภูมิธรรม เป็นประธาน ส่วนรองประธานประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน และคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แบ่งภารกิจเป็น 2 ส่วน คือ
1.การบริหารจัดการน้ำ การระบายน้ำ การแจ้งเตือน ให้ทราบข่าวว่าน้ำจะมาช่วงใดเพื่อไม่ให้เกิดความตระหนก โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คำนวณและยืนยันว่าน้ำจะไม่ถึงสถานการณ์ปี 2554 มี ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ดูแล
2.การดูแลช่วยเหลือประชาชน มีรมว.เป็นหลักในการบูรณาการความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน สำหรับงบประมาณ จะใช้จากงบประมาณ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีกรณีฉุกเฉิน

น.ส.นัทรียา กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่บางจังหวัดประกาศพื้นภัยพิบัติ จะใช้งบทดลองจ่าย 20 ล้านบาท หากไม่เพียงพอต้นสังกัดจะขอมาที่งบกลางเพื่อพิจารณา แต่เมื่อมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้ว การดำเนินการทุกอย่าง ต้องรวดเร็วตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“คณะกรรมการมีหน้าที่ป้องกัน แก้ไข เยียวยา และฟื้นฟู ซึ่งต้องดูสถานการณ์ในรายจังหวัดนั้น เช่น จ.น่านสถานการณ์น้ำท่วมผ่านไปแล้วจะเข้าสู่กระบวนการเยียวยาและฟื้นฟู ส่วนจังหวัดที่น้ำยังมาไม่ถึงจะป้องกันอย่างไร เช่น จ.นครสวรรค์ หรือต่ำกว่านั้น ต้องหามาตรการป้องกัน แก้ไขไม่ใช่ทำงานเชิงรับ"

 

 

 


 

ข่าวยอดนิยม