วันที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 14:49 น.
ตำรวจ ปทส.ทลายโกดังไม้เถื่อนกลางเมืองเชียงใหม่ พร้อมจับกุมทหารยศร้อยเอก ขณะนำไม้เถื่อนมาส่งนายทุนเจ้าของโกดัง
วันที่ 15 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ชุดปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกันจับกุม
1. นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ฐาน “ร่วมกันทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ร่วมกันมีไม้หวงห้ามชนิดอื่นแปรรูปมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ร่วมกันมีไม้ชิงชันแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่า ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ” และตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ ฐาน “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ร่วมกัน ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนังานเจ้าหน้าที และรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่า ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ”
2. นายทหารยศร้อยเอก (สงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 45 ปี ในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ฐาน “ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ มีไม้หวงห้ามชนิดอื่นแปรรูปมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ชิงชัน) จำนวน 65 แผ่น
2.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ประดู่) จำนวน 115 แผ่น
3.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ปมประดู่) จำนวน 20 ท่อน
4.เครื่องชั่งน้ำหนัก จำนวน 2 เครื่อง
5.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ประดู่) จำนวน 15 แผ่น
6.รถกระบะ จำนวน 1 คัน
โดยจับกุม โกดังไม่มีเลขที่ ซอยหมู่บ้านสวนหัตถกรรม อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องบริเวณ ถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง-หางดง ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
สืบเนื่องจาก ตามนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ทำการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อมข้ามชาติโดยเฉพาะด้านไม้ผิดกฎหมายในพื้นที่ซึ่งเกิดการระบาดถูกนำส่งออกต่างประเทศอย่างหนักในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลทางการสืบสวนจนได้มาซึ่งการปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ ย่านบ้านถวาย ท้องที่บ้านหนองแก๋ว ต.หนองแก๋ว อ.หางดง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าหัตถกรรมชื่อดังของเชียงใหม่
จากการตรวจค้นพบไม้ชิงชันแปรรูป ขนาด 12×12 นิ้ว และขนาด 8×8 นิ้วรวมทั้งหมด 65 ท่อน และไม้ประดู่แปรรูป 70 นิ้ว หนา 3 นิ้ว และขนาด 13 นิ้วหนา 1 นิ้ว 115 แผ่น นอกจากนี้ยังพบปมไม้ประดู่ทั้งหมด 20 ชิ้น น้ำหนักกว่า 1 ตัน กองอยู่ภายในโกดัง และพบร่องรอยการขนไม้เข้า-ออกจากโกดังได้ไม่นาน โดยนางเอ (นามสมมุติ - ผู้ต้องหาที่ 1) รับเป็นคนดูแลโกดัง โดยผู้ต้องหาที่ 1 รับว่าอาศัยอยู่ที่โกดังดังกล่าวมานานนับ 10 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เจ้าของโกดังได้ให้กลุ่มคนขับรถบรรทุกนำไม้แปรรูปมาพักไว้ในโกดัง โดยตนไม่ทราบว่าไม้แปรรูปเป็นไม้ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตนมีหน้าที่เพียงคอยเปิด-ปิดประตูโกดังเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดไม้ของกลางและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หางดง ต่อไป
และในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยังรับเบาะเเสแจ้งว่าจะมีรถยนต์บรรทุกไม้ผิดกฎหมายขับขี่มายังโกดังแห่งนี้ โดยขับขี่มาตามถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตองหางดง ขับขี่มุ่งหน้ามาทาง บ้านถวาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบรถยนต์ต้องสงสัย ลักษณะตรงตามเบาะแส จึงได้เรียกตรวจสอบ โดยพบว่ามีการบรรทุกไม้เถื่อนของกลางเต็มกระบะหลังรถ โดยผู้ต้องหาที่ 2 ได้ให้การว่า “ไม้ดังกล่าวตนได้ซื้อต่อมาจากบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านแม่นาตึง หมู่ 2 ต.แม่นาตึง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยตนไม่ทราบว่าไม้ดังกล่าวเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และตนกำลังเอาไม้ดังกล่าวไปส่งให้กับนายทุนเจ้าของโกดังดังกล่าว” ซึ่งภายหลังจากทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบทราบว่าผู้ต้องหาที่ 2 รับราชการทหาร ดำรงยศร้อยเอก สังกัดทหารทางภาคเหนือ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัว ผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพ
ทั้งนี้ จากการสืบสวนข้อมูลเชิงลึก ไม้ประดู่และไม้ชิงชันล็อตนี้ได้มีการเตรียมส่งขายให้นายทุนต่างประเทศ ด้วยการขนปะปนอำพรางกับสินค้าหัตถกรรม ส่งออกไปยังต่างประเทศทางเรือ ซึ่งไม้ชิงชัน และไม้ประดู่เป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติ เชื่อว่าเป็นไม้มงคล ทำให้มีความต้องการและมีราคาสูง โดยไม้ชิงชันหากสามารถนำออกไปต่างประเทศได้จะมีราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท ส่วนไม้ประดู่ราคากิโลกรัมละ 300 บาท ขณะที่ปมประดู่ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะพิการ จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 2 พันบาท หากไม้เถื่อนล็อตนี้หลุดรอดส่งไปยังต่างประเทศได้จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้วยราคาสูงล่อใจ ทำให้มีการลักลอบตัดไม้ประดู่ และไม้ชิงชันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ อ.ฮอด อ.แม่แจ่ม และ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับขบวนการลักลอบขนไม้เถื่อนได้บ่อยครั้ง และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามจับกุมขบวนการค้าไม้เถื่อนข้ามชาติกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
8 ธันวาคม 2568
8 ธันวาคม 2568