หน้าแรก > อาชญากรรม

ผู้การฯ ชลบุรี เร่งออกหมายจับ 2 หนุ่มสาวชาวเมียนมา มือฆ่าโหดนายจ้าง 2 ศพ หลังพบว่าหนีออกประเทศทางด่านแม่สอด

วันที่ 18 กรกฎาคม 2024 เวลา 05:24 น.


ผู้การฯ ชลบุรี เร่งออกหมายจับ 2 หนุ่มสาวชาวเมียนมา มือฆ่าโหดนายจ้าง 2 ศพ หลังพบว่าหนีออกประเทศทางด่านแม่สอด

(17 ก.ค.67) จากกรณี พบศพชาย อายุ 64 ปี ชาวอิหร่าน เป็นเจ้าของร้านอาหารและหญิงไทย อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นภรรยาของชาวอิหร่าน ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทิ้งศพหมกอยู่ในห้องนอนชั้น 2 ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซอยเดย์ไนท์ พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ ส่วนผู้ก่อเหตุสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นลูกจ้างชาวเมียนมาร์ หลังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมตรวจสอบชันสูตร พบศพผู้ชายเปลือยกายท่อนล่าง ถูกคนร้ายใช้กางเกงวอร์มรัดคอ เสียชีวิต ส่วนภรรยาถูกสายชาร์จแบตมัดมือ เชือกฟางมัดเท้า เปลือยกาย คว่ำหน้าเสียชีวิตตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.06 น.วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ญาติของหญิงผู้เสียชีวิต ได้เดินทาง จากบ้านเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าให้ปากคำกับ พล.ต.ต. ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และพ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ฐานนานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา ที่ห้อง ศปก.สภ.เมืองพัทยา วอนให้ช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี พร้อมทั้งตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งเป็นสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท ที่ซื้อให้แม่เป็นของขวัญย้อนหลังวันเกิด และกระเป๋าเงินของแม่ ที่ยังหาไม่พบในตอนนี้ และเงินที่ชาวอิหร่านจะพกติดตัวไว้จ่ายค่าสินค้าที่ต้องซื้อเข้าร้าน รวมถึงตู้เซฟนิรภัย ซึ่งยังไม่ได้ระบุว่าสูญหาย

ขณะที่ น.ส.ลูกน้ำ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ลูกสาว เปิดเผยว่า ไม่สามารถติดต่อแม่ได้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เนื่องจากโทรศัพท์มือถือของแม่ปิดเครื่องไป จึงเกิดความเป็นห่วง จึงพยายามติดต่อคนสนิทของแม่ให้ช่วยมาตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่พบ ส่วนพฤติกรรมของลูกจ้างที่แม่เคยพูดถึงนั้น หลังจากที่เงินในร้านสูญหายบ่อย จึงเกิดความสงสัยในตัวลูกจ้างรายนี้ โดยวางแผนที่จะติดกล้องวงจรปิดแบบที่ไม่มีใครรู้ และยังเปิดเผยอีกว่า ลูกจ้างรายนี้มีอารมณ์ร้อน ทุกครั้งที่ถูกต่อว่าจะมีอาการเก็บกด

ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า พ่อใหญ่ชาวอิหร่านมักจะทำร้ายลูกจ้างนั้นไม่เป็นความจริง แต่จะเป็นคนพูดเสียงดังเท่านั้น โดยเฉพาะเวลาดื่มเหล้า ซึ่งพนักงานเก่าก็ไม่เคยถูกทำร้ายมาก่อน ในส่วนของสาเหตุสลดในครั้งนี้สันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุนั้นมีความโกรธแค้น เคืองใจกับเจ้าของร้านที่เป็นชาวอิหร่าน เนื่องจากแม่เคยเล่าให้ฟังว่า เคยต่อว่าลูกจ้างรายนี้บ่อยๆ โดยปัญหาที่ต่อว่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินหาย แต่ก็ไม่ได้ต่อว่า ลูกน้อง แต่เป็นการต่อว่าโดยรวมถึงตัวแม่ตนเองด้วย เพราะไม่รู้เงินหายไปไหน
  
นอกจากนี้ แม่ยังเคยบ่นให้ฟังอีกว่า ลูกจ้างชาวพม่ารายนี้ ได้พาแฟนสาวสัญชาติเดียวกันเข้ามาพักที่ชั้นสี่ของร้านอาหาร แต่ไม่ได้ทำงานที่ร้าน ซึ่งก่อนหน้านี้แม่เป็นคนชักชวนตัวลูกจ้างพม่าเข้ามาพักที่นี่ เนื่องจากหวังดีในการเดินทางมาทำงานรวมไปถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำงานที่ร้านอาหาร
  
ด้าน พล.ต.ต. ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีมีความคืบหน้าไปมากจนกระทั่งรู้ตัวผู้ก่อเหตุ และเตรียมออกหมายจับทุกเหตุทั้งสองราย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ในส่วนของปมเหตุตอนนี้สันนิษฐานว่า เป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินที่สูญหายนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีอะไรสูญหายไป ส่วนอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นเชื่อว่า น่าจะเป็นค้อนที่ตกอยู่ภายในที่เกิดเหตุข้างศพของผู้ตาย ซึ่งจะต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันผลชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์ 
  
ในขณะที่สองคนร้าย นั้นใช้วิธีการหลบหนีโดยขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ไปจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนเส้นเพชรตระกูล แล้วโดยสารรถแท็กซี่ จากนั้นเดินทางต่อไปยังชายแดนแม่สอด ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
  
ตำรวจพัทยาเตรียมขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ชาวเมียนมา 2 คน โดยยืนยันแล้วว่า มือสังหาร คือ นายจอ เมี๊ย อู อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา และ นางสาว อิ ดิเซมเบอร์ อายุ 19 ปี 
  
ด้าน ตำรวจชุด สืบสวน สภ.เมืองพัทยา มีการสรุปเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เบื้องต้น นายจอ เมี๊ย อู  อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา และ นางสาว อิ ดิเซมเบอร์  อายุ 19 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่มอเตอร์ไซค์ มาจอดทิ้งไว้ ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านซอยเพ็ชรตระกูล ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ จากเมืองพัทยาไปลงที่เขตบางโพงพาง กรุงเทพมหานคร แล้วต่อรถไปที่จังหวัดนครปฐม จากนั้นเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดนครปฐม ฐานความผิดหลบหนีเข้าเมือง และสมัครใจขอเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดเมียนมา โดย ตำรวจ ตม. นครปฐม ได้เปรียบเทียบปรับ แล้วพาตัวไปส่งที่ด่านพรมแดนแม่สอด จ.เชียงราย จึงทำให้เชื่อได้ว่า ปัจจุบันคนร้ายทั้ง 2 คน เดินทางกลับสู่ประเทศเมียนมาไปแล้ว โดยตำรวจไทย อยู่ระหว่างการประสานทางการประเทศเมียนมา ในการช่วยติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คน กลับมาเป็นคดีในประเทศไทยต่อไป

เครดิต สยามชล นิวส์ 
 

ข่าวยอดนิยม