หน้าแรก > อาชญากรรม

ผู้การฯ ภาค 8 ค้นโกดังเก็บรถเช่าชาวต่างชาติในภูเก็ต คาดใช้คนไทยเป็นนอมินี ยึดรถกว่า 100 คัน เชื่อเกี่ยวข้องเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุด ทำธุรกิจผ่านแอปฯ

วันที่ 20 มีนาคม. 2024 เวลา 01:10


ผู้การฯ ภาค 8 ค้นโกดังเก็บรถเช่า ชาวต่างชาติในภูเก็ต คาดใช้คนไทยเป็นนอมินี ยึดรถกว่า 100 คัน เชื่อเกี่ยวข้องเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุด ทำธุรกิจผ่านแอปฯ

วันที่ 19 มี.ค.2567  ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต  พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาตรการการจับกุมปราบปรามการกระทำผิดของคนต่างด้าวในจังหวัดภูเก็ต พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบขยายผลการกระทำความผิดของชาวต่างชาติ ในพื้นที่ จ. ภูเก็ต  หลังพบว่าในพื้นที่ จ.ภูเก็ตมีการกระทำความผิดของชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น  

อย่างไรก็ตามหลังประชุมและลงพื้นที่ ได้มีการแถลงสรุปผลการดำเนินการต่อสื่อมวลชน โดย พล.ต.ท.สุรพงษ์  กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 8 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากการดำเนินการพบว่า มีการกระทำความผิดของคนต่างชาติ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตสูงขึ้น เช่น ความผิดเมาแล้วขับ ประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต การหลบหนีเข้าเมือง การกระทำที่ผิดต่อชีวิตและทรัพย์สิน การกระทำความผิดที่เกี่ยวกับเพศ รวมไปถึงการต่อสู้และขัดขวางเจ้าพนักงาน

ในช่วง 6 เดือน แรกของปีงบประมาณ 67 พบว่าชาวต่างชาติมีการกระทำความผิด จำนวน 614 ราย โดยมีการรวบรวมพฤติกรรมต่าง ๆ ส่งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  และ มีการเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักร ไปแล้ว 98 ราย แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ การเข้ามาประกอบอาชีพของชาวต่างชาติ โดยชาวต่างชาติเข้าไปถือหุ้นตามอัตราและ สัดส่วน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่หลังจากถือหุ้นแล้ว มีการนำนิติบุคคล ไปว่าจ้างให้ชาวต่างชาติประกอบอาชีพ

ซึ่งจะนำไปสู่การขอใบอนุญาตทำงานยังสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต หลังจากได้รับอนุญาตทำงานมาแล้วก็จะไปเปิดบัญชีเงินฝาก เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินและเริ่มอยู่ในฐานะคนทำงาน มีรายได้ต่าง ๆ ที่น่าห่วงคือ ไปเช่าหรือเช่าในระยะยาวอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ หลังจากเช่าแล้วก็จะนำมาประกอบกิจการ เมื่อดูจากเอกสารจะเห็นได้ว่าเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย ดำเนินการโดยคนไทย แต่เมื่อดูเชิงลึกจะพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย แล้วใช้คนต่างชาติทำงาน แต่ใบอนุญาตจะไม่ตรงกับการอนุญาต ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบกันอย่างละเอียด

พล.ต.ท.สุรพงษ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า วันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายต้องสงสัย ใช้เป็นสถานที่ให้เช่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของบริษัทซึ่งมีชาวต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้น และเคยมีการจับกุมชาวต่างชาติ ไปก่อนหน้านี้ในพื้นที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต  หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าสืบสวนขยายผล จนเป็นที่มาของการเข้าตรวจค้นสถานที่เก็บรถเช่าในครั้งนี้ ซึ่งจากการตรวจค้นพบรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ จำนวนมาก กว่า 100 คัน ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดรถทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ว่าที่มาของรถเหล่านี้เป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตามระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเอกสารของบริษัทต่างชาติที่ให้เช่ารถอยู่นั้น ก็ยังมีชาวต่างชาติเข้ามาเช่ารถ โดยผ่านแอฟพิเคชั่น  2-3 แอฟ ซึ่งการให้เช่ารถดังกล่าวผิดเงื่อนไขที่อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งการปฏิบัติงานครั้งนี้มีการสนธิกำลังจากหลายหน่วยงาน เช่น ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตม.และตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต เป็นต้น โดยมีการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ และ เมื่อพบการกระทำความผิดเราจะเสนอต่อศาลขอหมายค้นและเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี โดยกำหนดให้ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต รายงานผลการปฏิบัติงานดังกล่าวทุก 10 วัน

พล.ต.ท.สุรพงษ์ จากการตรวจสอบเชื่อได้ว่า การเข้าไปใช้พื้นที่จอดรถน่าจะเป็นชาวต่างชาติเป็นผู้ลงทุน และเชื่อว่าเป็นการทำเป็นเครือข่าย ซึ่งนอกจากจะทำเรื่องของรถเช่าแล้ว ยังมีเรื่องของการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดด้วย  เช่าห้องพัก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลแต่ แต่พบว่าเป็นการเช่าระยะยาว ส่วนจะไปให้เช่าช่วงหรือเปล่ากำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบชาวต่างชาติที่เข้าข่ายต้องสงสัย ขณะนี้มีเป้าหมายในการตรวจสอบ 5 เป้าหมาย

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้เล็งเห็นและมีความห่วงใยการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเป็นจำนวนมาก บางส่วนอาจมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตมีการระดมกำลังออกกวาดล้างอาชญากรรม ซึ่งผลการปฏิบัติงานนั้นเป็นที่น่าพอใจ มีการจับกุม มีการเพิกถอนวีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวจริง ๆ มีความสบายใจ ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว และสิ่งหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วง คือเรื่องของความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน จึงได้สั่งการให้มีการอบรมยุทธวิธีในการต่อสู้ การเข้าจับกุม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

เครดิต Phuket Hotnews 

 

ข่าวยอดนิยม