หน้าแรก > อาชญากรรม

สืบสวนนครบาลรวบ พ.ต.อ.เก๊ ตุ๋นเช่าวัตถุมงคล เสียหายกว่าสองล้านบาท

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 23:31 น.


สืบสวนนครบาลรวบ พ.ต.อ.เก๊ ตุ๋นเช่าวัตถุมงคล โดยนำภาพนายตำรวจมาใช้ประกอบกับบัญชีม้าของตนมูลค่าความเสียหายกว่าสองล้านบาท พบประวัติอื้อ
         
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนทราบถึงความเดือนร้อนจากประชาชน รวมทั้งมีผู้เสียหายร้องเรียนผ่านเพจ “ สืบสวนนครบาล IDMB ” ซึ่งถูกคนร้ายใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กในการก่อเหตุ ชื่อบัญชี  พีท ท่าพระจันทร์  โดยแอบอ้างใช้รูปตำรวจ ยศ พันตำรวจเอก  นำมาประกอบใส่ชื่อ พ.ต.อ.อนันต์ชัย  วงษ์คณิต  และใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี  ผมจะลาก มึงเข้าคุก  สร้างความน่าเชื่อถือหลอกลวงประชาชนผู้สุจริต มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดย พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงสั่งการให้ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สืบสวน บช.น. เร่งรัดจับกุมตัวคนร้าย

ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 เวลาประมาณ 14.15 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.   พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง   พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี  พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น.  พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.  พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. และ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายเดโช  อายุ  37  ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 500 ตำบลตะกุด อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 20/2566 ลงวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2566  
โดยกล่าวหาว่า “ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยหลอกลวงโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” ได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 18/2566 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 เข้าทำการตรวจค้น และจับกุมห้องพักเลขที่ 210 ชั้น 2 ภายในโรงแรมใกล้กันเพลส สระบุรี เลขที่ 66 ซอย 1 ถนนเทศบาล 4 ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จ.สระบุรี

กล่าวคือ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนทราบ ถึงความเดือนร้อนจากประชาชน รวมทั้งมีผู้เสียหายร้องเรียนผ่านเพจ “ สืบสวนนครบาล IDMB ” คนร้ายใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กในการก่อเหตุ ชื่อบัญชี  พีท ท่าพระจันทร์   โดยแอบอ้างใช้รูปตำรวจ ยศ พันตำรวจเอก  นำมาประกอบใส่ชื่อ พ.ต.อ.อนันต์ชัย  วงษ์คณิต  และใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี  ผมจะลาก มึงเข้าคุก จากการสืบสวนพบว่าเป็นนายเดโช  อายุ  37  ปี ซึ่งเคยถูกจับกุมตัวแล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำ โดยมีการเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊กเพื่อกลับมาก่อเหตุ อาทิ ชื่อบัญชี  Wisa Audtho (โจ๊ก พระประแดง)    ชื่อบัญชี  ไพรัช เซ็งปากน้ำ   ชื่อบัญชี  Pee Mora Dok Thai    ชื่อบัญชี  แจ๊ค ท่ามหาราช   ชื่อบัญชี  เอก มรดกไทย   ชื่อบัญชี  พีท ท่าพระจันทร์ และ  ชื่อบัญชี  ผมจะลาก มึงเข้าคุก   โดยเฉพาะในส่วนของชื่อบัญชีผมจะลาก มึกเข้าคุก นั้น คนร้ายได้มีการนำภาพของข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.อ. จริง (ขอสงวนนาม) ไปประกอบเข้ากับชื่อบัญชีม้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกเช่าบูชาพระเครื่อง วัตถุมงคล จนมีผู้เสียหายลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  สั่งการให้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 18/2566 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 เข้าทำการตรวจค้น และจับกุมห้องพักเลขที่ 210 ชั้น 2 ภายในโรงแรมใกล้กันเพลส สระบุรี เลขที่ 66 ซอย 1 ถนนเทศบาล 4 ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จ.สระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวของ นายเดโช ทองประเสริฐ  จึงจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่ารับสารภาพตามข้อกล่าวหาตามหมายจับ โดยรับว่าตนมีพฤติการณ์สร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอม โดยปัจจุบันขณะถูกจับกุมตัว ยังคงก่อเหตุต่อเนื่อง โดยใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กในการก่อเหตุ ชื่อบัญชีพีท ท่าพระจันทร์ ซึ่งได้มีการนำภาพของบุคคลอื่นมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ เพื่อโพสต์ขายพระและเครื่องราง วัตถุมงคล ในกลุ่มต่างๆ กว่า150 กลุ่ม อาทิ เช่น กลุ่ม เหรียญพรายกระซิบ วัดบรมสกล กลุ่มหลวงพ่อเดิมพระเครื่องและเครื่องราง  กลุ่มชมรมวัตถุมงคล อจินไตย   กลุ่มหลวงปู่ศักดิ์ หลวงปู่ญาท่านเสาร์  กลุ่มมีดหมอทุกสำนักทั่วประเทศ  กลุ่มพญาครุฑทรงฤทธิ์ เพื่อผู้ศรัทธาพญาครุฑ  กลุ่มชมรมคนรักหลวงปู่นอง ธมุมโชโต   กลุ่มซื้อ-ขาย กุมารทองทุกสำนัก  กลุ่มศิษย์หลวงพ่อชำนาญ วัดชินวรารามวรวิหาล กลุ่มหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ และเกจิทั่วไป  กลุ่มชมรมคนรักพระสมเด็จ  กลุ่ม ศรัทธาเหรียญครูบาศรีวิชัย เป็นต้น โดยจะเข้าไปโพสต์หลอกเช่าบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคลในราคาที่ถูกกว่าราคามาตรฐานที่ลงขายในกลุ่มพระเครื่อง วัตถุมงคลต่างๆ เมื่อมีผู้สนใจก็จะให้ลูกค้าโอนเงินค่าวางมัดจำมาก่อน จากนั้นผู้ต้องหาจะทำนิ่งเฉยไม่ส่งวัตถุมงคลให้ 

จนเป็นเหตุให้ออกหมายจับที่ถูกจับกุมตัว คือ มีการนำภาพของข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.อ. มาทำเป็นภาพประกอบชื่อบัญชีม้าสำหรับรองรับเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหาย ในเฟซบุ๊กใช้ชื่อบัญชี “ ผมจะลาก มึงเข้าคุก ” ซึ่งมีการโพสต์หลอกเช่าบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคล ให้มีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งปรับลดราคาค่ามัดจำวัตถุมงคลให้มีราคาถูกลงเพื่อให้ลูกค้าสนใจรีบโอนเงินค่ามัดจำเร็วขึ้น

จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้เคยถูกดำเนินคดีในความผิดเดียวกันนี้มาแล้ว จำนวน 7 ครั้งประกอบด้วย
1) ปี 2562 ถูกจับกุมข้อหา “ฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา 
2) ปี 2562 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.ธัญบุรี
3) ปี 2563 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์
4) ปี 2563 ถูกจับกุมข้อหา “ตัวการในการกระทำความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
5) ปี 2563 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
6) เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 ถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.249/2562 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ และร่วมกันฉ้อโกง ” นำส่ง พงส.สภ.สภ.กมลาไสย
7) ปีเดือนเมษายน ปี 2565 ถูกจับกุมหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.178/2565 ลงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

แต่ยังไม่เข็ดหลังได้รับการพิจารณาโทษรอลงอาญาในความผิดล่าสุด เมื่อกลับออกมาใช้ชีวิตในสังคมก็ยังคงก่อเหตุในลักษณะเดิมซ้ำซาก ไม่สำนึกในความผิดที่ได้กระทำแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม