หน้าแรก > อาชญากรรม

ทลายเครือข่ายหลอกลงทุนเงินกู้ อ้างดอกเบี้ยต่ำ เอาเงินเปิดค่ายเพลง ลวงเหยื่อสูญเงินกว่า 2 พันล้าน

วันที่ 11 มกราคม 2024 เวลา 18:07 น.


วันที่ 11 มกราคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 4 คน คือ น.ส.รัชญา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี (ซึ่งเสียชีวิตแล้ว) กับพวก ฐาน ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน, ร่วมกันฟอกเงิน และผู้ร่วมก่อเหตุอีก 6 คน

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหลายราย เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ว่าเมื่อปี 2559 น.ส.รัชญา ผู้ต้องหา อ้างว่ารู้จักกับสถาบันการเงิน สามารถเข้าถึงโครงการเงินกู้วงเงินสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ชักชวนกลุ่มผู้เสียหายเข้าร่วมลงทุน จนทำให้สูญเงินกว่า 2,000 ล้านบาท ต่อมาภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง

จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อต้นปี 2559 มีคนแนะนำให้ผู้เสียหายรู้จักกับ น.ส.รัชญา บอกว่าสามารถติดต่อดำเนินเรื่องการกู้เงินจ่ายธนาคารเกี่ยวกับธุรกิจ SME วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ และใช้เวลาอนุมัติไม่นาน ผู้เสียหายสนใจจึงทำการติดต่อนัดพบกันวันที่ 10 มกราคม 2559 น.ส.รัชญา อธิบายขั้นตอนการกู้เงิน และแหล่งที่มาของเงิน โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง ขณะนั้นได้นำเงินกู้ SME มาจากต่างประเทศ ดอกเบี้ยต่ำประมาณ 1-2 % ต่อปี ระยะผ่อนคืนประมาณ 20 ปี ใช้เวลาดำเนินการ 45 วัน ผู้เสียหายต้องการเงินไปทำธุรกิจ จึงทำสัญญานายหน้ากับ น.ส.รัชญา ในวงเงิน 50 ล้านบาท โดยจ่ายค่ามัดจำนายหน้าแก่ น.ส.รัชญา ไว้ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถึงกำหนด อ้างว่าติดค่าธรรมเนียม นำหนังสือเอกสารธนาคาร หน่วยงานราชการ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.รัชญา ต่อมาผู้เสียหาย ทำสัญญานายหน้ากับ น.ส.รัชญาเพิ่มเติมอีกในวงเงิน 40 ล้านบาท โดยได้ให้ค่ามัดจำนายหน้าไว้ส่วนหนึ่งเช่นกัน น.ส.รัชญา ก็เริ่มมีการอ้างรูปแบบการเรียกค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินจากผู้เสียหายเรื่อยมา และในห้วงหลังได้มีการแอบอ้างองคมนตรี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่ผู้เสียหายมากยิ่งขึ้น
  
ต่อมาประมาณปี 2563 ผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินโอนจ่ายให้แก่ น.ส.รัชญา ที่อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียม น.ส.รัชญา จึงแนะนำให้ผู้เสียหาย ชักชวนให้บุคคลอื่นมาร่วมจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าว เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าหากไม่ได้เงินมาตามจำนวนที่แจ้งไป จะทำให้เงินที่ผู้เสียหายเคยลงทุนนั้นสูญเปล่า จากนั้นผู้เสียหายจึงได้ทำการเชิญชวนผู้เสียหายรายอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามา

และต้นปี 2564 น.ส.รัชญา ได้แจ้งว่าบัญชีของตนถูก ปปง. อายัด ได้ให้ผู้เสียหายโอนค่าธรรมเนียมนั้นไปยังบัญชีใหม่ในบัญชีเครือญาติอีกจำนวนหลายบัญชี จนกระทั่ง น.ส.รัชญา ได้เสียชีวิตลงกะทันหัน ด้วยโรคประจำตัว ผู้เสียหายทั้งหมด จึงตรวจสอบว่าเงินที่ น.ส.รัชญา ได้ไปดำเนินการอย่างไรต่อ จึงทราบว่าไม่มีโครงการกู้ยืมเงินดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด และเป็นการแอบอ้างหน่วยงานต่าง ๆ ปลอมเอกสารธนาคาร ให้มีความน่าเชื่อถือ เป็นเพียงกลอุบายของผู้ต้องหาทั้งสิ้น ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ที่หลอกลวงผู้เสียหายลักษณะเดียวกันซ้ำไปซ้ำมา จึงเข้าข่ายการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ

ตรวจสอบประวัติของ น.ส.รัชญา พบว่า ก่อนเกิดเหตุ ประกอบอาชีพ ขายของออนไลน์ ภายหลังจากการมีเงินจากการหลอกลวง ได้สร้างบริษัทค่ายเพลง ร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงในวงการ มียอดการรับชมกว่า 8 ล้านวิว ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ในบัญชีเงินฝาก น.ส.รัชญา พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โอนไปยังบัญชีธนาคารของเครือญาติ มีการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ รถหรู บ้าน ของแบรนด์เนม ที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด

ต่อมาวันที่ 10 มกราคม 2567 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำกำลัง เข้าตรวจค้น จำนวน 19 จุด ในพื้นที่ 7 จังหวัด จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 10 คน ซึ่งเป็นเครือญาติที่พบการผ่องถ่ายเงิน พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน จำนวนกว่า 279,178,683 บาท ได้แก่
1. รถยนต์หรู จำนวน 1คัน มูลค่า 27 ล้านบาท
2. รถยนต์ จำนวน 6 คัน มูลค่า 6.5 ล้านบาท
3. เงินสด จำนวน 554,800 บาท
4. กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 59 ใบ มูลค่า 4,515,000 บาท
5. นาฬิกาแบรนด์เนม จำนวน 6 เรือน มูลค่า 2,000,000 บาท
6. เครื่องประดับ จำนวน 41 รายการ มูลค่า 2,700,000 บาท
7. แว่นตาแบรนด์เนม จำนวน 38 รายการ มูลค่า 600,000 บาท
8. หมวกแบรนด์เนม จำนวน 20 ใบ มูลค่า 300,000 บาท
9. กีตาร์ จำนวน 3 ตัว มูลค่า 550,000 บาท
พร้อมทั้งอายัดเงินสดในบัญชีธนาคาร จำนวนกว่า 174 ล้านบาท และอายัดอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 60 ล้านบาท

หลังจากนั้น จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่ง คณะพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ข่าวยอดนิยม