วันที่ 23 สิงหาคม 2566 เวลา 23:29 น.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งขยายผลจับกุมเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ากรุง หลังหลบหนีตำรวจเกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต
จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66 เกิดเหตุรถตู้ลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวเสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้เกิดไฟลุกท่วม พบผู้เสียชีวิตภายในซากรถคันดังกล่าวจำนวน 4 ราย บาดเจ็บอีก 6 ราย เหตุเกิดบริเวณถนนสายเอเชีย ช่องทางคู่ขนานเบี่ยงไปทางถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 1 หน้าโรงเรียนเชียงรากน้อย ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้มีการสืบสวนขยายผล และตรวจสอบข้อมูลของขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายดังกล่าว เบื้องต้นสืบทราบว่า ขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่และจัดขบวนรถในการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสกัดจับกุมผู้ต้องหาพร้อมแรงงานต่างด้าวได้ในพื้นที่ สภ.เมืองนครสวรรค์, สภ.บางปะอิน และ สภ.พระอินทร์ราชา จึงได้มีการบูรณาการร่วมกันโดย ศพดส.ตร., ตำรวจภูธรภาค 1, ตำรวจภูธรภาค 6, กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5, สภ.เมืองนครสวรรค์, สภ.บางปะอิน และ สภ.พระอินทร์ราชา ร่วมกันสืบสวนขยายผลเครือข่ายลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้พร้อมแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ สภ.เมืองนครสวรรค์, สภ.บางปะอิน. และ สภ.พระอินทร์ราชา นั้นเป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกัน มีพฤติการณ์ในการขับรถตู้รับส่งทั่วไป เมื่อมีงานรับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จะมี นายธนะเมศฐ์ หรือ นายต้น และ นายณรงค์ศักดิ์ หรือ นายต่อ เป็นผู้ประสานงานระหว่างกลุ่มคนขับรถตู้ และจะมีผู้ทำหน้าที่คอยส่งงานจากจังหวัดตาก ทราบภายหลังคือ นายวิเชียร โดยมีการนัดหมายสถานที่รับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ อ.บ้านตาก จ.ตาก เพื่อให้กลุ่มรถตู้เข้าไปรับแล้วตัวแรงงานต่างด้าว ก่อนนำไปส่งตามจุดต่างๆ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่แรงงานต่างด้าวนั้นๆ แจ้งไว้ โดยในวันเกิดเหตุ มีการจัดเตรียมรถตู้และรถนำทางในการไปรับส่งแรงงานต่างด้าวทั้งหมด 9 คัน เมื่อรับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จะมีรถนำทางทำหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางว่ามีการตั้งด่านตรวจหรือมีเจ้าหน้าอยู่ตามจุดใดหรือไม่ จากนั้นกลุ่มรถตู้ที่ขนแรงงานต่างด้าวจะขับตามออกมาโดยทิ้งระยะห่างกันไม่มาก จากข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายสมชายฯ (คนขับรถตู้) พร้อมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จำนวน 13 ราย และ น.ส.ปาริฉัตรฯ (คนขับรถนำ) ในพื้นที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ และ จับกุม นายจิตจ่าฯ (คนขับรถตู้) พร้อมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จำนวน 13 ราย ในพื้นที่ สภ.บางปะอิน ส่วน นายโอภาสฯ (คนขับรถตู้) พยายามหลบหนีการจับกุม จนกระทั่งมาประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำในพื้นที่ สภ.พระอินทร์ราชา จนมีผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ต้องหารายอื่นที่หลบหนีไปได้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับและสามารถจับกุมได้ทั้งหมด
ต่อมา ได้มีการขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ว่างจ้างจากกรณีดังกล่าว คือ นายวิเชียร ซึ่งเป็นผู้ติดต่อและสั่งการกลุ่มคนขับรถตู้ในการขนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในครั้งนี้ และยังเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับกลุ่มคนรับแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบข้ามมาจากฝั่งประเทศเมียนมาผ่านช่องทางธรรมชาติ ก่อนจะนำมาส่งตามจุดที่ นายวิเชียรฯ สั่งการ ซึ่งทราบพฤติการณ์ว่าในขบวนการดังกล่าวมีการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมาแล้วหลายครั้ง เมื่อกลุ่มรถตู้สามารถนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไปส่งตามจุดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นายวิเชียร จะให้บุคคลในบ้านนำเงินค่าว่าจ้างไปฝากให้กับ นายธนะเมศฐ์ เพื่อกระจายให้กลุ่มคนขับรถยนต์ตู้ต่อไป
ซึ่งจากการตรวจสอบบ้านพักของ นายวิเชียรฯ ในพื้นที่ อ.บ้านตาก จ.ตาก ยังพบรถยนต์กระบะและรถยนต์บรรทุกจำนวนหนึ่ง โดยมีการสร้างโรงจอดรถไว้สำหรับเปลี่ยนยางอะไหล่โดยเฉพาะ ซึ่งน่าเชื่อว่าใช้ในการลักลอบขนย้ายแรงงานตามแนวชายแดน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลไปถึงนายหน้าฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งมีหน้าที่ในการรวบรวมกลุ่มแรงงานต่างด้าวก่อนที่จะลักลอบเดินทางเข้ามายังประเทศไทย และกลุ่มบุคคลที่รับแรงงานต่างด้าวที่ข้ามมาตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อไปส่งตามจุดที่ นายวิเชียรฯ สั่งการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขออนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งสิ้น 18 ราย ( แจ้งข้อกล่าวหา 16 ราย, แยกคดีเนื่องจากเป็นเยาวชน 1 ราย, เสียชีวิต 1 ราย) โดยจะดำเนินคดีใน 3 ข้อหาคือ
1. ร่วมกันโดยรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพัก อาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
2. ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร
3. ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
อีกทั้งยังได้ตรวจยึดและอายัดรถยนต์ของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งใช้ในการกระทำความผิดและน่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดในการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวไว้เป็นจำนวนมาก