หน้าแรก > อาชญากรรม

ปอศ. รวบซ้ำผู้บริหาร อ้างลงทุนนำเข้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็ก เสียหาย 26 ล้านบาท

วันที่ 13 สิงหาคม 2023 เวลา 01:36


ปอศ. รวบซ้ำผู้บริหาร อ้างลงทุนนำเข้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็ก เสียหาย 26 ล้านบาท

12 ส.ค.66 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ  จารุปรัชญ์,พ.ต.อ.วีระพงษ์  คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปอศ. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ.

ร่วมกันตรวจจับกุม นายวิชาญฯ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจนิติบุคคล และในฐานะส่วนตัวตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 และ นายธีวรา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ปี ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจนิติบุคคล และในฐานะส่วนตัวตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน  “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” จับกุมได้ที่บริเวณบ้านพัก ในพื้นที่ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ดำเนินคดีกับสองบริษัทฯ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งมีพฤติการณ์ ฉ้อโกงประชาชน ผ่านรูปแบบการโฆษณาชักชวนประชาชนจำนวนมากให้เข้าร่วมลงทุนโดยอ้างว่า ดำเนินกิจการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็ก มีการนำ ชิ้นส่วนนำเข้าเพื่อประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็กจากต่างประเทศ มีลูกค้าร่วมกิจการเป็นจำนวนมาก และกำลังขยายกิจการของบริษัทฯ โดยมีแผนการที่จะสร้างโรงงานผลิตสินค้าขนาดใหญ่ หากมีผู้สนใจลงทุนจะได้รับผลตอบแทน ร้อยละ 5 ของยอดเงินที่ลงทุนต่อสัปดาห์ หากแนะนำบุคคลอื่นมาร่วมลงทุนด้วย จะได้ผลตอบแทนอีกร้อยละ 1 ของยอดเงินลงทุนของบุคคลที่ชักชวนมาได้ ประกอบกับใช้ความน่าเชื่อถือของการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชน ส่งผลให้มีประชาชนจำนวนมาก หลงเชื่อลงทุนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 จนนำไปสู่การฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว

จากนั้น พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ทำการสอบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีผู้ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมอีก จำนวน 36 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 26,369,000 บาท จึงได้ขออนุมัติต่อศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหากับพวก ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจและในฐานะส่วนตัว จำนวน 2 ราย รวม 4 หมายจับ  โดยเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายข้างต้น นำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

นอกจากนี้จากการสอบสวนยังพบว่าผู้ต้องหากับพวก มีพฤติการณ์โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น ซึ่งได้มาจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนอันเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยได้ดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน จะได้ดำเนินการตรวจสอบ ตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินที่ได้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม