เปิดปฏิบัติการล่าขุมทรัพย์ ราชาคริปโตฯ Ep:3 บุกค้นบ้านหรู 2 หลัง โยงเครือข่ายจีนแสบหลอกตุ๋นลงทุนข้ามชาติ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการ ชุดปฎิบัติการล่าขุมทรัพย์ราชาคริปโต นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุดในพื้นที่ กทม.โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นศาลอาญาเลขที่ ค.505/2566 ลงวันที่ 24 ก.ค. เข้าตรวจค้นบ้านพัก ย่านพระราม 9 – ศรีนครินทร์ เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร มูลค่ากกว่า 45 ล้านบาท ซึ่งบ้านดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น มูลค่า 45 ล้านบาท มีรั้วรอบขอบชิด มีแม่บ้านที่ดูแลบ้านดังกล่าวเป็นผู้นำตรวจค้น

จากการตรวจค้นพบ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องในทางคดีจำนวนมาก อีกทั้งยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหารติดยศผู้กำกับสำรองตรี อีกทั้งพบรูปถ่ายวันประดับเครื่องหมายผู้สำเร็จ, พร้อมเกียรติบัตร ของสังกัดสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย อยู่ในห้องนอนดังกล่าว และหนังสือเดินทาง ระบุชื่อนายซูเผิงเฟย สัญชาติจีน หรือนายสมปอง ซู ซึ่งได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว

นอกจากนี้ ได้ทำการตรวจยึดรถยนต์หรู 2 คัน, โฉนดที่ดินอาคารชุด, โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ, ตู้เชพ 1 ตู้ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จึงทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ

จุดที่สอง เข้าตรวจค้นบ้านพัก ซอยกาญจนาภิเษก 12 เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท ซิน รุ่ย เทคโนโลยี เบื้องต้นไม่พบว่ามีผู้พักอาศัยหรือผู้ดูแล

สำหรับการตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลจากปฏิบัติการ ล่าข้ามโลกราชาคริปโตฯ Ep:1 และ Ep:2 โดยครั้งนั้นตำรวจได้ตรวจค้น 6 จุด ในย่านศรีนครินทร์ และจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 2ราย และนายคำเฮง สัญชาติ ลาว ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน หลังก่อเหตุใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิท ผู้เสียหายผ่านโซเซียลมีเดียต่างๆ ก่อนจะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม สําหรับเทรดเงินสกุลดิจิตอลหรือ สินทรัพย์ต่างๆ ในลักษณะหลอกลงทุนไฮบริดสแกรม ซึ่งมีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.ศาลาแดง, สน.โชคชัย, สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท

และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายสมปอง ซู ซึ่งแนวทางสืบสวนเชื่อว่าน่าจะนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายมาเล่นแร่แปรธาตุ มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของบริษัท ซึ่งจดทะเบียนวันที่ 26 ต.ค. 2565 ประเภทธุรกิจซื้อขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ และให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 49,500,000 บาท

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมกับออกหมายเรียกนายสมปอง ซู มาชี้แจงการได้มาซึ่งทรัพย์สิน หากไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ก็จะเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงินหรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน" และ นำทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงได้หรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดดำเนินการขายทอดตลาด เพื่อมุ่งหวังคืนให้กลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งจะทำการขยายผลหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือ พยานหลักฐานเชื่อมโยงไปในส่วนใดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป