ตำรวจ สน.เพชรเกษม รวบเฒ่าวัย 60 ตระเวนลักรถจักรยานยนต์ เปิดประวัติโชกโชน

วันที่ 21 กรกฎาคม 2566  ภายใต้การอำนวยการโดย พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง
ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม , พ.ต.ท.พิสิษฐ์ มีวิริยกุล  รอง ผกก.ป.สน.เพชรเกษม , พ.ต.ท.เอกพจน์ บุญล้อม สวป.สน.เพชรเกษม , ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ โสตะการ รอง สวป.สน.เพชรเกษม , ร.ต.ต.สุกรรณ สมสนุก รอง สวป.สน.เพชรเกษม , ด.ต.จำเนียร วรรณปะกา , ส.ต.อ.ธีรพงษ์ คุณวัน , ส.ต.อ.เอกยุทธ ปล้องคง, ส.ต.ท.พีรพงษ์ สดมพฤกษ์ ,ส.ต.ท.ธัชนนท์ เสมอใจ ,ส.ต.ท.สุรสิทธิ์ ศรชัยญาติ ผบ.หมู่ ป.สน.เพชรเกษม และ ส.ต.อ.ณัฐพงศ์ พรหมสุข ผบ.หมู่ สส.สน.เพชรเกษม สน.เพชรเกษม

รายงานผลจับกุม ผู้ต้องหา คือ นายพฤษภา หรือเปี๊ยก ไทยโบราณ อายุ 60 ปี ข้อหา
"ลักทรัพย์ (รถจักรยานยนต์) ในเวลากลางคืน" สถานที่เกิดเหตุ กลางซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร  

พฤติการณ์เกี่ยวกับคดี

ก่อนทำการจับกุมตัวผู้ต้องหานี้ วันที่ 21 ก.ค.2566 เวลาประมาณ 03.10 น.ขณะปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจพื้นที่ภายในเขตรับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกรุงธน ว่าพบบุคคลต้องสงสัยจะก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ บริเวณกลางซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร จึงได้รีบเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายพฤษภา ไทยโบราณ (ทราบชื่อสกุลภายหลัง) นั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ 110 ไอ สี่ม่วง-ดำ เลขทะเบียน 7540 กรุงเทพมหานคร เมื่อนายพฤษภาฯ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้แสดงอาการมีพิรุธต้องสงสัยพยายามเดินหนี จึงได้ติดตามเรียกให้หยุดและได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายภายในตัว นายพฤษภาฯ จึงได้สอบถามเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์คันที่นายพฤษภาฯ ขับขี่มา แต่นายพฤษภาฯ ไม่สามารถแสดงหลักฐานเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวได้

ในเบื้องต้นจึงได้เชิญตัว นายพฤษภาฯ และรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาที่ สน.เพชรเกษม เพื่อตรวจสอบ จากการตรวจสอบทราบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมี น.ส.นันท์นภา เป็นผู้ครอบครอง จึงได้ติดต่อสอบถาม น.ส.นันท์นภาฯ แจ้งว่ารถที่พบเป็นของตนจริงแต่จอดไว้ที่ หอพักจิรโชติ เลขที่ 74 ซ.อินทปัจ 13 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. เมื่อได้ตรวจสอบปรากฏว่าได้หายไปจริงจึงรีบเดินทางมา สน.เพชรเกษม และได้ยืนยันว่า รถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหานั้นเป็นของตนจริงพร้อมทั้งชี้ยืนยันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้จากการสอบถามผู้ต้องหานี้ยังรับว่าก่อนที่จะมาลักทรัพย์รถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7540 กรุงเทพมหานคร ได้ไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน 6164 กรุงเทพมหานคร บริเวณเชิงสะพาน วัดเครือวัลย์ (ท้องที่ สน.บางกอกใหญ่) ซึ่งต่อมาทราบว่าผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางกอกใหญ่  และต่อมาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน 6164 กรุงเทพมหานคร ไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหลังตลาดสดบางกอกน้อย (ท้องที่ สน.บางกอกน้อย) และจากนั้นได้เดินเท้าไปลักเอารถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน 9593 กรุงเทพมหานคร (ของกลางลำดับที่ 4) ซึ่งจอดอยู่บริเวณหอพักจันทร์เจ้า แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อมาทราบว่าผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ตามประจำวันของ สน.บางกอกน้อย

จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจอดไว้ที่บริเวณที่เกิดเหตุ และได้ลักเอารถจักรยานยนต์คันหมายเลข 7540 กรุงเทพมหานคร ซึ่งระหว่างที่จะไปลักเอารถจักรยานยนต์คันอื่นที่จอดอยู่บริเวณที่จับกุมอีก ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นตัวเสียก่อน

ซึ่งจากการสอบถามผู้ต้องหารับว่าเมื่อได้เสพยาเสพติดเข้าไปแล้ว จะมีพฤติกรรมก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ และเคยก่อเหตุแบบนี้มานานซึ่งเคยถูกจับกุมตัวมาแล้ว 5 ครั้ง พอพ้นโทษออกมาก็ได้มาก่อเหตุซ้ำอีก นอกจากนี้ยังมีภาพวงจรปิดบันทึกภาพขณะที่ผู้ต้องหานี้ขณะก่อเหตุไว้ได้ ผู้ต้องหานี้รับว่าเป็นบุคคลตามภาพจริง จึงเชื่อแน่ว่าผู้ต้องหานี้ได้กระทำความผิดจริง ผู้ต้องหานี้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหากเป็นการเนิ่นช้าที่จะเอาหมายจับมาได้เกรงว่าผู้ต้องหานี้จะหลบหนี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบควบคุมตัวพร้อมรถจักรยานยนต์และลูกบล๊อก ของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบในภายหลังพบว่าผู้ต้องหานี้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้เดียวกันนี้มาหลายครั้ง และพึ่งพ้นโทษออกมา และจากการตรวจสอบผู้ต้องนี้ ยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.380/2566 ลงวันที่ 17 ก.ค. 2566 (ท้องที่ สภ.บางหลวง) ซึ่งสภ.บางหลวงยังต้องการตัวมาดำเนินคดีอยู่ และผู้ต้องหายังรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับกุมตัวมาดำเนินคดีอยู่