วันที่ 16 พ.ค.2566 มีรายงานข่าวจาก กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงตลาดข้าวไทยในฮ่องกงช่วงไตรมาส 1/2566 ว่า ไทยส่งออกข้าวไปฮ่องกง รวม 38,445 ตัน ลดลง 8.58% จากปีก่อนที่ส่งออกได้ 42,053 ตัน แบ่งเป็นการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย 30,321 ตัน ลดลง 11.74 % ข้าวเหนียว1,0819 ตัน ลดลง 5.59% ข้าวกล้อง 306 ตัน ลดลง 16.88% ข้าวหอมไทย 5,338 ตัน เพิ่มขึ้น 9.95% และข้าวขาว 1,399 ตัน เพิ่มขึ้น 5.1%

ปัจจุบันไทยครองส่วนแบ่งตลาดส่งออกอันดับ 1 ในฮ่องกง ปีก่อนส่งออกได้ 2.8 แสนตัน แต่ตัวเลขภาพรวมการส่งออกไตรมาสแรกปีนี้กลับขยายตัวติดลบ 8.58% โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ติดลบมากถึง 11.74% เนื่องจากผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่นิยมบริโภคอาหารตะวันตกเพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังพบว่าร้านอาหารและภัตคารในฮ่องกงทำการปลอมปนข้าวหอมมะลิไทย โดยนำข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาปลอมปน เพื่อลดต้นทุน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าข้าวหอมมะลิไทยมีคุณภาพลดลง และยังมีการลอกเลียนบรรจุภัณฑ์ของไทยและเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย ขณะที่ข้าวหอมเวียดนามซึ่งมีราคาถูกกว่าแต่คุณภาพใกล้เคียง ก็กำลังเข้ามาตีตลาดข้าวหอมปทุมธานีไทย ทำให้ขณะนี้ไทยเริ่มสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดแล้วด้วย

รายงานข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศแจ้งว่า ฮ่องกงตั้งอยู่บนเกาะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแนวเขา จึงไม่สามารถผลิตข้าวได้เอง ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ปัจจุบันชาวฮ่องกงหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการส่งออกข้าวไทยควรปรับตัวเร่งขยายตลาดข้าวเพื่อสุขภาพ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะข้าว กข 43 และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งมีค่าดัชนีน้ำตาลในระดับปานกลาง- ต่ำ รวมทั้งยังเป็นข้าวทางเลือกให้กับกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคไตอีกด้วย