สวนสัตว์เชียงใหม่ แถลงการตายของแพนด้า "หลินฮุ่ย" มีอายุ 21 ปี 7 เดือน เข้าสู่วัยชรา สิ้นตามอายุขัย พบมีเลือดกำเดาไหลออกทางจมูก ทีมสัตวแพทย์ไทย-จีนได้ระดมกำลังรักษาอย่างเต็มที่

วันนี้ (19 เม.ย.2566) นายเดชบุญ มาประเสริฐ ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย แถลงข่าวถึงการตายของแพนด้า หลินฮุ่ย ว่า เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) เวลาประมาณ 11.30 น. ได้รับอาการของหลินฮุ่ย จึงได้รายงาน ไปยัง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้มีการระดมสรรพกำลังผู้เชี่ยวชาญสัตวแพทย์ทำการรักษาอย่างทันที

โดยทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องประเทศจีน โดยมีศูนย์อนุรักษ์แพนด้าที่เฉิงตู ได้เข้ามาร่วมรักษาอาการของหลินฮุ่ยทันที ขณะเดียวกันได้ประสานงานกับทางกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประเทศจีนประจำเชียงใหม่ให้รับทราบและในช่วงเดียวกันได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสังเกตการณ์ในการรักษาหลินฮุ่ย โดยได้มีการรักษาร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญจีน จนกระทั่งเวลา 01.10 น. ของวันที่ 19 เม.ย. หลินฮุ่ยก็ได้จากไป ทั้งนี้สำหรับการพิสูจน์จะต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างทางการจีนและไทยเพื่อหาสาเหตุในการตาย

ด้าน นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงาน ได้รายงานให้กับสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ได้รับทราบ ทางสถานกงสุลใหญ่ได้ส่ง รองกงสุลใหญ่และเจ้าหน้าที่เข้ามาสังเกตการณ์ พร้อมกับประสานงานไปยังศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า ที่เฉิงตู เพื่อให้คำแนะนำการรักษาผ่านระบบออนไลน์ ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 19 เม.ย.2566 ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาจนสุดความสามารถ จากนั้นในเวลา 01.10 น. หลินฮุ่ย ก็ได้จากไป

ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ยังเปิดเผยว่า หลินฮุ่ย มีวงเงินประกันอยู่ที่ 15 ล้านบาท ส่วนโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในไทยที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ในปี 2566 เป็นปีสุดท้าย จากนี้จะต้องส่งรายงาน 20 ปี ให้กับผู้เชี่ยวชาญของจีน เพื่อประเมินโอกาส พร้อมยืนยันว่าทุกฝ่ายได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว

ขณะที่ สัตวแพทย์ประจำสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า หลินฮุ่ย มีอายุ 21 ปี 7 เดือน ซึ่งเข้าสู่วัยชรา มีสุขภาพปกติตามวัย ก่อนจะจากไป ไม่มีสัญญาณว่าจะป่วย โดยมีพฤติกรรมปกติ กินอาหารปกติ ทางทีมแพทย์มีการตรวจสุขภาพทุกวันก่อนนำออกให้นักท่องเที่ยวได้ชม โดยในวันดังกล่าวหลังจากหลินฮุ่ยรับประทานอาหารตามปกติเข้าไปนอน ก่อนจะมีเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายตัว

ทั้งนี้ ต้องใช้การวินิจฉัยโรคและผลการพิสูจน์ถึงจะทราบสาเหตุการตายได้ ซึ่งยังไม่ทราบถึงสาเหตุใดๆ ที่บ่งบอกถึงสาเหตุเชื่อมโยงที่ทำให้เลือดกำเดาไหล