24 ชั่วโมงข่าว ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
>> สลด! สิบล้อบรรทุกของบริจาคช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ หลับในชนท้ายรถเทรลเลอร์บรรทุกไม้ยางพารา เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 1 ราย
05.50 น. บริเวณหมู่ 6 ตำบลป่าพะยอม อำเภอป่าพะยอม เมื่อรถบรรทุก 10 ล้อ ทะเบียน 700-5612 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถเทรลเลอร์ 22 ล้อ ทะเบียน 83-1282 นครศรีธรรมราช ซึ่งจอดริมถนน คนขับรถเทรลเลอร์เผยว่าจอดซื้อกาแฟและกำลังจะขึ้นรถเมื่อเกิดเหตุ
แรงชนทำให้คนขับรถบรรทุก 10 ล้อ ได้รับบาดเจ็บติดในรถ ต้องใช้เวลากว่า 15 นาทีในการช่วยเหลือ ส่วนผู้โดยสาร อายุ 35 ปี ถูกอัดติดกับท้ายรถและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 20 นาทีเพื่อนำร่างออกมา
คนขับรถบรรทุก 10 ล้อ ให้การว่า ขับขนของบริจาคจากสมุทรปราการไปช่วยผู้ประสบภัยที่อำเภอหาดใหญ่ แต่เกิดหลับในจนเสียหลักชนท้ายรถที่จอดอยู่ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> ทหาร ฉก.ราชมนู จับ 44 ต่างชาติหนีเข้าไทย จากเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน ไท่ฉาง ฝั่งเมียนมา มีทั้งจีน เอธิโอเปีย ไนจีเรีย มาเลเซีย
07.22 น. พ.อ.ชนนกานต์ แสงศร ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู สั่งการให้ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) โดย กองร้อยทหารราบที่ 423 (ร้อย.ร.423) นำกำลังพล 1 ชุดปฏิบัติการ ออกการลาดตระเวนเฝ้าตรวจบริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา บ้านห้วยหมี ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ระหว่างเฝ้าตรวจอยู่นั้น ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัยลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 44 ราย จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวดังกล่าวมี 4 สัญชาติ ประกอบด้วย
1.สัญชาติจีน จำนวน 41 คน(ชาย 40 คน, หญิง 1 คน)
2.สัญชาติเอธิโอเปีย จำนวน 1 คน (ชาย)
3.สัญชาติไนจีเรีย จำนวน 1 คน (ชาย)
4.สัญชาติมาเลเซีย จำนวน 1 คน (ชาย)
สอบถามเบื้องต้นทราบว่ามาทั้งหมดมาจากเมืองเศรษฐกิจพิเศษจีน ไท่ฉาง ด้านตรงข้าม บ้านห้วยแล้ง ต.ช่องแคบ อ.พบพระ ประเทศเมียนมา ทางหน่วยจึงได้นำบุคคลชาวต่างชาติดังกล่าวส่ง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอด จ.ตาก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเพิ่มมาตรการในการสกัดกัน และเฝ้าตรวจการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป
>> มทภ.3 สั่งยิงกระสุนควันเตือน หลังการสู้รบในพม่าทำให้กระสุนปืนตกฝั่งไทย บ้านคนไทยเสียหาย 1 หลัง บาดเจ็บ 2 ราย
09.12 น. พล.ท.วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้รับรายงานจากผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวรโดยได้รับรายงานจาก ผบ.หน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราชมนู) รายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย -เมียนมา ที่มีสถานการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมา ระหว่างรัฐบาลพม่าและชุดคุมน้อย ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยทางหน่วยฉก.ราชมนู ได้ตรวจพบว่า มีกระสุน ขนาด ค.60 มิลลิเมตร ข้ามตกมาฝั่งไทย จำนวน 5 นัด
พล.ท.วรเทพ บุญญะ กล่าวอีกว่าหลังจากได้รับรายงานจึงได้รายงานให้ผู้บัญชาการทหารบกทราบเพื่อขอ อนุมัติ ยิงกระสุนควันทันที โดยทางหน่วยฉก.ราชมนูน ได้ทำการยิงกระสุนควัน ด้วยปืน ค.120 มิลลิเมตร จำนวน 4 นัด สถานการณ์ทั่วไปปกติ
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าทางฝั่งประเทศไทย มีบ้านเรือนประขาชน ได้รับความเสียหาย จากสะเก็ดระเบิด จำนวน 1 หลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาวเมียนมา จำนวน 2 คน เป็นผู้หญิง 1 คน และเด็ก 1 คน โดยทั้งหมดอยู่ในการดูแลของแพทย์เรียบร้อย อาการปลอดภัย
ทั้งนี้ตนได้สั่งกำลัง ฉก.ราชมนู ให้เฝ้าตรวจสอบและดูแลพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวด และดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย ที่พักอาศัยอยู่บริเวณชายแดน
>> ปภ.รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ 9 จังหวัด หลายจังหวัดสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เร่งช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อน
10.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัย 9 จังหวัดภาคใต้ ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ปภ. เร่งช่วยเหลือบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ยังคงระดมกำลังแจกถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน พร้อมระดมเครื่องมือ เครื่องจักรกลสาธารณภัยเร่งฟื้นฟูคืนพื้นที่ให้ประชาชนทุกจังหวัด
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 68 ) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กินพื้นที่ 89 อำเภอ 595 ตำบล 4,227 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,162,551 ครัวเรือน 2,963,894 คน
>> ปะทะเดือดสนั่นป่าที่ชายแดนแม่สาย จ.เชียงราย ยึดยาบ้ากว่า 2 ล้านเม็ด
12.00 น. เสียงปืนที่ดังสนั่นในกลางป่า บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่บ้านผาหมี อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ซึ่งได้ยิงปะทะกับกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด จนสามารถสกัดกั้นยาบ้าได้มากถึง 2,200,000 เม็ด โดยก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางกองกำลังผาเมืองได้รับรายงานว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศ ผ่านพื้นที่ชายแดนทางด้าน ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อส่งให้กับผู้ร่วมขบวนการลำเลียงต่อเข้าไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศ จึงสั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ไปบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนสกัดกั้นและจับกุม
ขณะกำลังพลกองร้อยมหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ออกไปลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 10-12 คน สะพายกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลังเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่จนกระทั่งมีการปะทะกัน ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการพิสูจน์ทราบพื้นที่โดยรอบจุดปะทะ พบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลังตกอยู่จำนวน 11 เป้ ภายในเป้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทยาบ้า จำนวนเป้ละประมาณ 200,000 เม็ด นับรวมยาบ้าทั้งหมดได้ประมาณ 2,200,000 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย ไปสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฏหมาย
>> สุดสลด ไฟไหม้ตึกแถว 4 ชั้น ย่านพุทธมณฑลสาย 4 แม่ลูกเสียชีวิต 3 ศพ
13.00 น. สภ.กระทุ่มแบน รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น แห่งหนึ่ง ในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร จึงประสานทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลนครอ้อมน้อย พร้อมด้วยเทศบาลตำบลสวนหลวง อบต.ท่าไม้ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน
ที่เกิดเหตุ พบเพลิงลุกไหม้จากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน จึงได้ช่วยกันฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียง เบื้องต้นทราบว่า ขณะที่เกิดเพลิงไหม้นั้น มีผู้ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 คน สามารถหนีออกมาได้ 5 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน แบ่งเป็นอาการสาหัส 1 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยเวชอ้อมน้อยและโรงพยาบาลมหาชัย ส่วนที่หนีออกมาได้อย่างปลอดภัยมี 2 คน อยู่ในอาการตกใจ
ขณะที่ภายในที่พักยังมีผู้ที่ติดอยู่อีก 3 คน เป็นแม่ลูกกัน ทราบชื่อคือนางสาวธัญญา อายุ 33 ปี เด็กชายธวัชชัย อายุ 7 ขวบ และ เด็กหญิงญาธิดา อายุ 4 ขวบ ทั้งหมดได้เสียชีวิตคากองเพลิง อยู่บริเวณห้องนอนชั้นสองของอาคารดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน ร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิต พร้อมกับเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่ชัดเจนต่อไป ส่วนร่างของแม่ลูกที่เสียชีวิตทั้ง 3 ศพนั้น ถูกนำส่งไปชันสูตรอีกครั้งที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช ก่อนจะมอบให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา
>> รองนายกฯสุชาติ สั่งกรมทะเลเร่งสำรวจผลกระทบน้ำท่วม-เฝ้าระวังโลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลาใกล้ชิด หลังระดับน้ำเพิ่มสูง 2-3 เมตร
16.40 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ห่วงใยต่อทรัพยากรทางทะเลและระบบนิเวศในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ จึงได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เร่งสำรวจและประเมินความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุทกภัยครั้งนี้อย่างเร่งด่วน
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังคุณภาพน้ำทะเลที่อาจมีผลกระทบต่อโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาตอนบน โดยให้นำอากาศยานไร้คนขับบินสำรวจรอบทะเลสาบสงขลา พบว่าระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีก 2-3 เมตร จากเดิมที่มีความลึกสูงสุดประมาณ 2.8 เมตร ทำให้ทะเลสาบมีความลึกราว 4-6 เมตร ส่งผลให้โลมาอิรวดีสามารถว่ายน้ำออกมาในวงกว้างมากขึ้น
>> สลด! เหตุเพลิงไหม้บ้าน ซอยวุฒากาศ 42 พบผู้เสียชีวิต 2 ศพ อยู่ภายในห้องน้ำ
18.50 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน โดย พ.ต.ท.กรวิก สุปะทัศ พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ระบุรับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในชุมชนวัดศาลาครืน ซอยวุฒากาศ 42 แยก 14 ถนนวุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. หลังเพลิงสงบพบผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชรพ.ศิริราช มูลนิธิร่วมกตัญญู และรถดับเพลิง กว่า 10 คัน
ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนหลังสวนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่หลังวัดดังกล่าว พบแสงเพลิงกำลังพวยพุ่งโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงภายในบ้านไม้สูง 2 ชั้น ในเนื้อที่ 100 ตารางวา ซึ่งได้รับความเสียหายทั้งหมด และลุกลามไปยังบ้านเรือนข้างเคียง ได้รับความเสียหายเล็กน้อยอีก 2 หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงได้เข้าตรวจสอบภายในห้องน้ำบ้านต้นเพลิง พบศพผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอก 2 คน ทราบชื่อต่อมาคือนายพิเชษฐ อายุ 84 ปี และนางปราณีต อายุ 76 ปี
สอบสวนทราบว่า โดยปกติบ้านหลังดังกล่าวพักอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ราย ประกอบด้วย ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน เป็นสามีภรรยากัน และบุตรอีก 3 คน โดยขณะเกิดเหตุบุตรทั้ง 3 ราย ยังไม่ได้เดินทางกลับที่พัก เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อสรุปหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตส่งมอบให้ทางญาติเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
>> นายกฯ "อนุทิน" ย้ำสถานการณ์หาดใหญ่เริ่มคลี่คลาย ประกาศแผนฟื้นฟูเร่งด่วน 7 วัน! พร้อมอัดฉีดเยียวยาผู้เสียชีวิต 2 ล้านบาทต่อราย
20.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่เริ่มคลี่คลายและระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องแล้ว
สำหรับแผนฟื้นฟูเร่งด่วน ประกอบด้วยการทำความสะอาดครั้งใหญ่ (Big Cleaning Day) โดยแบ่งพื้นที่หาดใหญ่ออกเป็น 4 เขต ระดมกำลังพลและเครื่องจักรนับพัน เพื่อเคลียร์ขยะ ตะกอน และสิ่งตกค้างให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน พร้อมเดินหน้ากู้คืนโครงสร้างพื้นฐานและเร่งซ่อมบ้านเรือนที่เสียหาย มีการจัดตั้งศูนย์ Fix It จำนวน 50 จุด ให้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ประกอบอาชีพ เครื่องจักรกล และรถจักรยานยนต์ของประชาชน ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ให้ประชาชนสามารถกลับไปดำเนินชีวิตประกอบอาชีพได้ตามปกติ
ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าโรงพยาบาลหาดใหญ่จะไม่ปิดให้บริการ พร้อมเร่งฟื้นฟูระบบการแพทย์ และจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 8 แห่ง เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมแพทย์เดินเท้าให้ความช่วยเหลือ ดูแลสุขภาพประชาชน และให้คำแนะนำด้านสุขอนามัยหลังน้ำลด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคในช่วงฟื้นฟู
ในส่วนของการเยียวยา รัฐบาลได้อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยรายละ 2 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยที่ลงทะเบียนรายละ 9,000 บาท บวกกับก่อนหน้าของการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ย้ำต้องดูเเลเยียวยาอย่างทั่วถึง ครอบคลุมกลุ่มบ้านเช่า และที่พักอาศัยที่ไม่มีทะเบียนบ้าน ไม่มีสัญญาเช่าแต่อยู่อาศัยประจำ ให้สามารถใช้ใบเสร็จค่าน้ำหรือค่าไฟ เป็นหลักฐานยืนยันเพื่อรับสิทธิรับเงินเยียวยา นอกจากนี้ยังออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทั้งชะลอการชำระหนี้และปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 1 ปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการฟื้นฟูกิจการ