วันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 04:28 น.
'กรุงเทพฯ ต้องสว่าง' เปิดรับสงกรานต์สีลม-สาทร ไฟถนน LED สว่างครบทั้งเส้นแล้ว
(7 เม.ย.66) เวลา 21.00 น. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการโยธา และสำนักงานเขตบางรัก ลงพื้นที่ติดตามผลการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง บริเวณถนนสีลม เขตบางรัก ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางสำคัญที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาและเชื่อมต่อการเดินทาง โดยกรุงเทพมหานครได้ดำเนินตามนโยบาย “กรุงเทพฯต้องสว่าง” ของผู้ว่าฯ ชัชชาติ เร่งรัดแก้ไขซ่อมแซมไฟฟ้าดวงที่ดับให้เสร็จโดยเร็วเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีการเดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นอกเหนือจากสีลมแล้วยังได้ตรวจสอบและแก้ไขไฟฟ้าแสงสว่างในพื้นที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในกรุงเทพฯ ได้แก่ บริเวณถนนเอกมัย ถนนจักรเพชร ถนนมหาไชย ถนนมหาราช ลานคนเมือง ถนนข้าวสาร ถนนทองหล่อ ย่าน RCA อาทิ ถนนพระรามที่ 4 ถนนเจริญกรุง ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ถนนจตุรทิศ ถนนดินสอ และถนนสามเสน อีกด้วย ซึ่งระหว่างลงพื้นที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางตามมาสมทบกับคณะเพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด้วย
รองผู้ว่าฯ วิศณุ เปิดเผยว่า นโยบาย “กรุงเทพฯต้องสว่าง” ทำให้ถนนสีลม-สาทรในขณะนี้ไม่มีไฟฟ้าดับแล้ว พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดย กทม. แก้ไขซ่อมแซมไฟฟ้าดวงที่ดับบนถนนสาทร 238 โคม ถนนสีลม 118 โคม ถนนรัชดาภิเษก 141 โคม รวมถึงทางม้าลายถนนวิทยุ 3 โคม ซึ่งจากการรายงานผลการดำเนินการสำรวจตรวจสอบและการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าแสงสว่างสาธารณะดับในพื้นที่กรุงเทพฯ (6 เมษายน 66) จำนวน 6,954 เส้นทาง เป็นถนนสายหลักในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา 314 เส้นทาง ซอยย่อยที่สำนักงานเขตดูแล 6,640 เส้นทาง มีจำนวนไฟฟ้าแสงสว่างที่ กทม.ดูแลทั้งหมด 145,314 ดวง ดำเนินการแก้ไขไฟฟ้าดับแล้ว 25,245 ดวง ยังคงดับอยู่ 398 ดวง ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขต่อไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
สำหรับการดำเนินแก้ไขเปลี่ยนหลอดไฟบนถนนสีลม ได้ดำเนินการไปถึง 80-90% ในวันนี้น่าจะดำเนินการได้เสร็จสิ้นทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนบริเวณถนนสีลมอีกด้วย ทั้งนี้ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะทำการเปลี่ยนหลอดไฟที่ดับทั้งหมด อาทิ บริเวณสะพานลอย หรือศาลาที่พักผู้โดยสาร โดยอาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่สามารถเปลี่ยนได้ เนื่องจากอยู่ในอำนาจของหน่วยงานอื่น กทม.ก็จะประสานงานเพื่อให้เร่งดำเนินการแก้ไข เนื่องจากหลอดไฟในกรุงเทพฯทั้งหมดมีกว่า 3 -4 แสนดวง กทม.มีหน้าที่ดูแลประมาณ 14,000 ดวง อีกส่วนอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่น อย่างไรก็ตามทุกเรื่องที่กทม.ได้รับแจ้งจากสายด่วน กทม.โทร 1555 และ Traffy fondue กทม.จะส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงให้ดำเนินการ
นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับในจุดต่าง ๆ แล้ว กทม. ยังได้ทยอยเปลี่ยนไฟฟ้าแสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าเดิมแบบ HPS (Highpressure Sodium) เป็นหลอด LED (Light Emitting Diode) ซึ่งมีอายุการใช้งานนานขึ้นและประหยัดพลังงาน พร้อมระบบติดตามการทำงานของดวงโคมไฟฟ้า (IoT) ตามแนวคิดของ smart lighting ที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิด หรือลด-เพิ่มความเข้มของแสง และตรวจสอบจุดที่ดวงไฟดับได้จากระบบกลาง ซึ่งในเฟสแรกมีเป้าหมายจะเปลี่ยนหลอดไฟ 25,000 ดวง โดยจะแยกการดำเนินการติดตั้งในถนนสายหลักเพื่อเป็นการนำร่องก่อนในช่วงเริ่มต้นโครงการฯ จำนวน 5,000 ดวง ใน 13 เส้นทาง ได้แก่ 1. ถนนสีลม 2. ถนนเพลินจิต 3. ถนนเยาวราช 4. ถนนโชคชัย 4 5. ซอยมหาดไทย 6. ถนนเอกมัย 7. ถนนพระรามที่ 4 (ช่วงหัวลำโพงถึงสวนลุมพินี) 8. ถนนพระรามที่ 4 (จากซอยอรรถกวี ถึง ถนนสุขุมวิท) 9. ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 10. ถนนราชปรารภ 11. ถนนเทศบาลสงเคราะห์ 12. ถนนเสนานิคม และ 13. ถนนราชดำริ
สำหรับการที่ไฟฟ้าดับมี 3 สาเหตุ คือ 1.ตัวหลอดที่เสื่อมสภาพเองตามอายุการใช้งาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ กทม.สามารถเปลี่ยนได้เอง 2. ตัวสายไฟและอุปกรณ์ได้รับความชื้น เบรกเกอร์ชำรุด กรณีที่เป็นปัญหาเรื่องสายไฟชำรุด สายไฟถูกตัดขาด ต้องแจ้งให้กับการไฟฟ้านครหลวงเข้ามาช่วยซ่อมซึ่งอาจจะใช้เวลา 3. การถูกขโมยสายไฟ หลายจุดได้เข้าไปแก้ไขแล้วแต่ไม่นานก็ดับอีกเนื่องจากสายไฟถูกขโมย ทั้งนี้ประชาชนสามารถร่วมกันเป็นหูเป็นตาได้ หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยขโมยสายไฟสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที หรือพบจุดเกิดเหตุ จุดที่ไฟดับ จุดที่มืดเปลี่ยว สามารถแจ้งกับ กทม. ผ่านทางสายด่วนกทม. โทร.1555 หรือช่องทาง Traffy fondue




16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568