วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23:45 น.
กทม. จัดการรถควันดำ ก่อนเข้าหน้าฝุ่น ปรับค่ามาตรฐานควันดำเข้มจาก 30 % เป็น 20% ตาม 1 ใน 10 มาตรการที่เคยเสนอขอรัฐบาล
วันนี้(3 พ.ย. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ประกาศมาตรการเข้มงวดรับฤดูฝุ่น PM2.5 ปรับลดค่ามาตรฐานควันดำสำหรับรถดีเซลจากเดิม 30% เหลือเพียง 20% เริ่มใช้ 1 พ.ย. 68 พร้อมขยายผลมาตรการ "Green List" ห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ผ่านมาตรฐานวิ่งเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง โดยเน้นการตรวจควันดำที่ ต้นทาง เช่น อู่รถเมล์และไซต์ก่อสร้าง เพื่อเลี่ยงการจราจรติดขัด
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ปรับลดระยะเวลาที่เจ้าของรถควันดำต้องไปแก้ไขจาก 30 วัน ให้เหลือเพียง 3 วัน เท่านั้น หากไม่แก้ไขตามกำหนด จะถูกติดป้าย ห้ามใช้เด็ดขาด เพื่อเร่งลดมลพิษจากยานยนต์ให้เร็วที่สุด สำหรับสาเหตุหลักของควันดำ มลพิษที่เกิดขึ้นมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ สภาพอากาศที่ปิดในช่วงฤดูหนาวทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดี ฝุ่นจากรถยนต์โดยเฉพาะรถดีเซลที่มีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และการเผาชีวมวลจากพื้นที่รอบข้างหรือในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เตรียมการรับมือปัญหาเหล่านี้อย่างต่อเนื่องโดยมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมควบคุมมลพิษ ตำรวจจราจร และกรมการขนส่งทางบก อาทิ การปรับปรุงมาตรฐานควันดำ มีการปรับปรุงมาตรฐานการวัดควันดำให้เข้มข้นขึ้น โดยลดค่าการทึบแสงจากเดิม 30% เหลือเพียง 20% มาตรการใหม่นี้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบเมื่อวันก่อนพบว่า จากรถที่ตรวจสอบทั้งหมด 900 คัน มีรถที่ไม่ผ่านมาตรฐานจำนวน 21 คัน คาดว่ามาตรการใหม่นี้จะสามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศได้ประมาณ 24%
มาตรการห้ามรถบรรทุกในวงแหวนชั้นในปีที่แล้ว ปีนี้กรุงเทพมหานครได้ขยายผลให้ครอบคลุมทั้ง 50 เขต เมื่อมีการประกาศวันที่อากาศไม่ดี รถบรรทุกเกิน 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่อยู่ในบัญชีสีเขียว (Green List) จะไม่สามารถเข้ามาในเขตกรุงเทพมหานครได้ โดยใช้ระบบกล้อง CCTV ออกใบสั่งอัตโนมัติ สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ กรุงเทพมหานครไม่ได้บังคับให้เข้าร่วม แต่ใช้มาตรการ “Green List Plus” โดยขอความร่วมมือจากเจ้าของรถ หากนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ จะได้รับส่วนลดจากบริษัทรถยนต์ที่ร่วมโครงการ 9 บริษัท และบริษัทเปลี่ยนน้ำมันเครื่องต่างๆ โครงการนี้มีผลตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงต้นปีหน้า โดยครอบคลุมทั้งรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถมีเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะดีขึ้นและปล่อยมลพิษน้อยลง
ด้าน นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบวันนี้พบว่า ภาพรวมของอู่รถเมล์ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แต่เมื่อมาตรวจสอบรถสองแถว พบว่ามีรถที่เกินค่ามาตรฐานจำนวน 2 คัน โดยค่าเฉลี่ยการทึบแสงมากกว่า 30% ซึ่งแม้จะเป็นไปตามเกณฑ์เดิมแต่ก็เกินมาตรฐาน ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานใหม่ที่กำหนดไว้ที่ 20% ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการ จับปรับ ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ก่อนที่รถทั้ง 2 คันดังกล่าวต้องไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง และเข้าสู่โครงการ Green List ต่อไป ซึ่งโครงการ Green list. เป็นมาตรการที่กทม. ได้รณรงค์ให้ผู้ขับขี่ทุกคนมาร่วมกันเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง เพื่อลดการปล่อย pm2.5 ซึ่งจากการทดลองพบว่ารถที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองสามารถลดการปล่อย pm 2.5 ได้มากถึง 42%
โดยประชาชนสามารถติดตามค่าฝุ่นได้ ถ้าในกรุงเทพมหานครใช้แอปพลิเคชัน Air BKK ถ้าทั่วประเทศใช้ของกรมควบคุมมลพิษ Air4Thai สามารถเช็คค่าฝุ่นได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนั้นเชิญชวนประชาชนที่มีรถดีเซลนำไปเปลี่ยนไส้กรองและน้ำมันเครื่อง ปัจจุบันมีโปรโมชั่นค่าแรงฟรี ไส้กรองและน้ำมันเครื่องลดราคา สามารถเช็คโปรโมชั่นได้ทางมาตรการ Green List Plus และขอเชิญชวนประชาชนที่เห็นรถควันดำสามารถแจ้งผ่าน Traffy Fondue กรุงเทพมหานครจะรับเป็นเจ้าภาพไปติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป


