24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2568

>> ปภ.เผยยังมีน้ำท่วม ในพื้นที่ 15 จังหวัด ทีมปฏิบัติการ-เครื่องจักรกลฯ ช่วยเหลือย่างต่อเนื่อง

06.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม อุบลราชธานี อุดรธานี และและจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมทั้งสิ้น 76 อำเภอ 505 ตำบล 2,956 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 116,318 ครัวเรือน 388,566 คน มีผู้เสียชีวิต 10 ราย (พิษณุโลก 1 ราย พิจิตร 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 8 ราย)

โดยในจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม อุบลราชธานี อุดรธานี พบว่าระดับน้ำทรงตัว และจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร อุทัยธานี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา พบว่าระดับลดลง

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังคงติดตามผลกระทบและการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยในการช่วยเหลือ ทั้งการดำรงชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค การขนย้ายผู้ประสบภัย การกำจัดสิ่งกีดขวาง รวมถึงการระบายน้ำและการฟิ้นฟูพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือร้อนของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

>> ก.ท่องเที่ยวและกีฬา หารือแนวทางประชาสัมพันธ์และมาตรการความปลอดภัยในกีฬาซีเกมส์ 2025

08.30 น นายอรรกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการ เกี่ยวกับแนวทางการประชาสัมพันธ์มหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2025 และการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยของนักกีฬาและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาร่วมมหกรรม

การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างการรับรู้ในระดับประเทศและภูมิภาค พร้อมทั้งเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพที่มีความพร้อมทั้งด้านศักยภาพกีฬา การจัดการ และการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ

ภายหลังจากการหารือด้านการประชาสัมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือต่อที่ประชุมในประเด็นด้านความปลอดภัยของนักกีฬาและนักท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการวางมาตรการป้องกัน ดูแล และบริหารจัดการความปลอดภัย เพื่อให้การจัดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2025 เป็นไปอย่างเรียบร้อย ปลอดภัย และสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน นายอรรกร ศิริลัทธยากร ยังเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งมือในการดำเนินงาน เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ การเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย และการประสานงานทุกด้านสำเร็จทันเวลา เพื่อให้เป็นการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2025 ที่สมบูรณ์แบบและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศไทยในเวทีนานาชาติ

>> ไฟไหม้ภายในห้องพักบนอาคาร ซอยศรีนครินทร์ 24 รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

09.24 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยศรีนครินทร์ 24 ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคาร 9 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 6 ภายในห้องพัก เพลิงลุกไหม้เสียหายพัดลมลุกลาม เตียงและเสื้อผ้า พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 12 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสุขุมวิท

>> ชาวนา 3 อำเภอ ใน จ.เชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ หลังราคาข้าวเปลือกเหนียวเหลือ กก.ละ 7 บาท

12.51 น. ชาวนาในอำเภอสันทราย อำเภอดอยสะเก็ด และอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเดินทาง มาที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หลังได้รับความเดือดร้อน จากราคาข้าวเปลือกเหนียวตกต่ำ ถูกโรงสีกดราคา ทำให้ไม่คุ้มทุน ซึ่งเป็นราคาทุนรวมปัจจัยในการผลิต ทั้งค่าจ้างปรับไถ ค่ารถเกี่ยวข้าว ค่าขนย้ายข้าวเปลือก และปุ๋ยยังมีราคาแพง มีต้นทุนการปลูกไร่ละ เกือบ 7,000 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาเก็บเกี่ยวตัดสด อยู่ที่ราคา 7 บาท หรือราคาเท่ากับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ซอง โดยมี นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ มารับเรื่อง และเชิญตัวแทนชาวนา เข้าหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง

โดย นายจรัส ลุมมา ตัวแทนชาวนาเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้เรียกร้อง ทั้งขอราคาขายข้าว ขั้นต่ำกิโลกรัมละ 10 บาท ขอควบคุมดูแลราคาปุ๋ยและยา เพื่อลดต้นทุนการผลิต ราคาปุ๋ยให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม ปัจจุบันกระสอบละ 900 บาท ขอผลักดันนำโรงสีข้ามเขต มารับซื้อผลผลิตข้าวของเกษตรกรชาวนาเชียงใหม่ ในราคาที่เป็นธรรม และปัจจุบันพื้นที่ปลูก ยังลดลงจำนวนมาก พื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นบ้านจัดสรร โดยทางพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ บอกว่าได้ส่งหนังสือเรียกร้องเร่งด่วน ไปยังหน่วยงานส่วนกลาง และราคาที่ชาวนา เรียกร้องเหมาะสมกับความเป็นจริง ทำให้กลุ่มชาวนาพอใจ และอีก 7 วัน จะเดินทางมาฟังคำตอบอีกครั้งก่อนพากันสลายตัวเดินทางกลับ

>> “ตำรวจภาค 1 เดินหน้านโยบายรัฐบาล กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าข้ามภาค ยึดของกลางกว่า 4 หมื่นชิ้น มูลค่ากว่า 20 ล้าน”

13.04 น. ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระยะยาวนั้น ล่าสุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายรัฐบาลมาขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติจริง โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งสืบสวนปราบปรามอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ที่มีการสั่งการลงพื้นที่ตรวจเข้มและขยายผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 สั่งการให้ บก.สส.ภ.1 ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ร่วมกับชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจจับเครือข่ายลักลอบขนส่งบุหรี่ไฟฟ้าข้ามภาค จนสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางกว่า 48,301 ชิ้น มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท บริเวณริมถนนในพื้นที่ อ.เมืองสมุทรสาคร โดยพบว่าของกลางทั้งหมดถูกลำเลียงมาจากภาคใต้เข้าสู่ภาคกลางเพื่อจำหน่าย ทั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 1 ยืนยันจะดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 191 เพื่อร่วมกันป้องกันไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชนต่อไป

>> ตร.ไซเบอร์ ทลายบัญชีม้านิติบุคคล ลวงข้ามชาติ ตุ๋นมะกันโอนเงินข้ามประเทศกว่า 2 ล้านบาท

13.30 น. ตำรวจไซเบอร์ ร่วมแถลงข่าว จับกุมบัญชีม้านิติบุคคล ที่หลวงลวงชาวต่างชาติให้โอนเงิน โดยเงินเข้าสู่บัญชีธนาคาร ในนามนิติบุคคลในประเทศไทย สืบเนื่องจากการสืบสวนคดีหลอกลวงให้ลงทุน โดยการโอนเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารในประเทศไทย 
โดยคดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวน หลังจากได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวอเมริกันว่าถูกหลอกให้โอนเงินมายังประเทศไทย โดยผู้เสียหายโอนเงินจากบัญชีธนาคาร USA มายังบัญชีในนามนิติบุคคลในประเทศไทย จำนวน 54,350 เหรียญสหรัฐ และโอนเพิ่มอีก 5,000 เหรียญสหรัฐ รวมเป็นเงินทั้งหมด 59,350 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยในขณะนั้นประมาณ 2,172,126.74 บาท

จากการสืบสวนของตำรวจไซเบอร์พบว่า เงินของผู้เสียหายถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารในประเทศไทยจริง โดยเจ้าของบัญชีเป็นนิติบุคคลอยู่แถวเขตราษฎร์บูรณะ กทม. จดทะเบียนในประเทศไทยด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท เพื่อประกอบกิจการตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้มีการดำเนินการตามรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ โดยหลอกลวงเงินชาวต่างชาติ แล้วนำเงินมาฟอกเงินในประเทศไทย โดยเปิดบริษัทม้าเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในการรับโอนเงิน แต่ไม่ได้มีการดำเนินกิจการจริงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ รวมถึงเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจยึดอายัดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

>> ผบ.ตร. สั่งการตำรวจภูธรภาค 2 เร่งขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการหลอก 11 เยาวชนไทย ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน

14.44 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณี ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีประชาชนขอความช่วยเหลือหลังถูกหลอกลวงว่าจะพาไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา และถูกกักขังอยู่ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฟากห้วย อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังบูรพา เข้าให้การช่วยเหลือ 11 คนไทย เป็นชาย 7 คน หญิง 4 คน นั้น

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้ตำรวจภูธรภาค 2 เร่งรัดสืบสวนขยายผล จับกุมผู้กระทำผิดและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดโดยเด็ดขาด พร้อมมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ ตรวจสอบเพจหางานและช่องทางออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงแรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจากการสอบถามเบื้องต้น ผู้เสียหายทั้งหมดให้การตรงกันว่า ได้สมัครงานผ่านเพจหางานในสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการโฆษณาชักชวนให้ไปทำงานในประเทศกัมพูชา ระบุรายได้เดือนละประมาณ 20,000 – 25,000 บาท ด้วยความอยากมีงานทำจึงโทรติดต่อไปยังเบอร์ที่ปรากฏแล้วนัดหมายจุดนัดพบ โดยทั้งหมดเดินทางไปถึง อ.อรัญประเทศ ในช่วงบ่ายถึงค่ำ จากนั้นได้มีชายไทยไม่ทราบชื่อ ขับรถกระบะมารับจากจุดนัดหมายต่าง ๆ เช่น สถานีขนส่งผู้โดยสารอรัญประเทศ และสถานีรถไฟอรัญประเทศ ก่อนพามาพักรวมกันที่บ้านหลังดังกล่าว โดยอ้างว่ารอเดินทางข้ามไปทำงานที่ฝั่งกัมพูชา ซึ่งในระหว่างรอได้มีผู้เสียหายคนหนึ่งเกิดความสงสัยว่าเมื่อไปถึงกัมพูชาแล้วจะได้ทำงานจริงหรือไม่ และเกรงว่าจะถูกหลอกไปทำงานผิดกฎหมาย โดยคาดว่าจะถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงโทรศัพท์ติดต่อญาติให้แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับทหารกองกำลังบูรพาเข้าให้การช่วยเหลือได้ทัน ก่อนทั้งหมดจะถูกพาออกนอกพื้นที่ ส่วนเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไหวตัวหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะถึงจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นได้สอบถามปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้เป็นพยาน เพื่อรวบรวมข้อมูลประกอบการสืบสวนและติดตามหาตัวผู้กระทำผิด รวมถึงผู้ร่วมขบวนการ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>> สำนักงานเจ้าท่า อยุธยา ส่งเรือตรวจการณ์ช่วยเหลือพร้อมประสานงาน เหตุเรือล่มกลางแม่น้ำป่าสัก ผู้สูญหาย 1 ราย

15.30 น. ได้เกิดเหตุ เรือดัน-ลากจูง จมลง บริเวณแม่น้ำป่าสักหน้าท่าเรือฯ ตำบลบางระกำ อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างการลำเลียง เรือลำเลียงสินค้า เข้าท่าฯ ซึ่งเชือกโต้งท้ายของเรือลำเลียงผูกกับหัวเรือ โดยขณะก่อนจุดเกิดเหตุ เรือทรัพย์โสพล 8 ได้ทำการเปลี่ยนเชือกผูกเรือจากจุดหัวเรือไปไว้ที่จุดท้ายเรือเพื่อทำการดึงเรือเข้าเทียบท่า ระหว่างนั้นเรือลำเลียงยังคงมีความเร็วในการเดินเรืออยู่บางส่วน เมื่อเรือทรัพย์โสพล 8 ได้ทำการติดตั้งเชือกที่บริเวณท้ายเรือเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า ขณะทำการกับลำเรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ควบคุมเรือไม่สามารถกลับลำเรือได้ทันท่วงทีจึงเกิดความตึงของเชือก จนทำให้เรือ มีอาการปัดไปทางขวาก่อนเรือพลิกคว่ำ ซึ่งมีผู้สูญหายเป็นหญิง 1 คน

ทั้งนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมเรือยนต์ตรวจการณ์ 2117 เข้าช่วยเหลือ และได้เข้าตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นแล้ว พร้อมได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยกู้ภัยและประดาน้ำในพื้นที่ พร้อมออกประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา เรื่อง ขอให้ระมัดระวังในการเดินเรือ รวมถึงออกคำสั่งห้ามใช้เรือ และหนังสือเชิญเจ้าของเรือมาพบเจ้าหน้าที่

>> รองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการระบบระบายน้ำถนนรัชดาฯ กำชับเร่งคืนผิวจราจรโดยเร็ว

15.30 น. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายศุภมิตร ลายทอง รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ถึงหน้าศาลอาญารัชดา

ปัจจุบัน สำนักการระบายน้ำอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างบ่อสูบน้ำบริเวณปากซอยรัชดา 32 (อาภาภิรมย์) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบบระบายน้ำถนนรัชดาภิเษก โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2568

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เน้นย้ำให้สำนักการระบายน้ำเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน พร้อมเร่งคืนพื้นที่ผิวจราจรโดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อการจราจรและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถสัญจรได้ตามปกติ

>> ไฟไหม้หม้อแปลงไฟฟ้า ก่อนลามเข้าตัวโรงงาน จนท.ระดมหัวฉีดน้ำเข้าทำการดับ จนเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา

17.30 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ สภ.บ่อวิน ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเพลิงไหม้ที่บริษัทหลอมเหล็กแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (บ่อวิน) ถนนสาย331-นิคมบ่อวิน หมู่ 6 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ระหว่าง ตึก 2 ตึก โดยเพลิงลุกโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้ามีน้ำมันเครื่องหล่อเลี้ยงอยู่ภายในหม้อแปลง ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำดับเพลิง เนื่องจากเพลิงเริ่มลามเข้าสู่ตัวอาคาร กระทั่งสามารถล้อมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งสาเหตุเพลิงไหม้ต้องตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากโรงงานแห่งนี้มีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการจากทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม ไม่มีคนงานมาทำงาน

ต่อมา นายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอศรีราชา ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบ จากการตรวจสอบ พบว่าเพลิงสงบลงแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง หวั่นเกรงว่าเพลิงปะทุซ้ำอีก อย่างไรก็ตามสถานการณ์ควันจากการเผาไหม้เบาบางลงแล้ว เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุมีฝนตกลงมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

>> ปกครอง-ตร.-พม.ชลบุรี รวบ “คนเร่ร่อนมั่วสุมเสพยา” กลางพัทยา! พบ “อดีตนักโทษ” ซ้ำเติมคดี ขโมย จยย. – เสพไอซ์คาตึกร้าง

19.47 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน นางรัชนี วรรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ชลบุรี นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกับ นายนัทธวัฒน์ โสภณเศวตศิลป์ ปลัดอำเภอบางละมุง,ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ ปลอดโปร่ง รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองพัทยา, กำลัง อส. ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่เทศกิจพัทยา ระดมกำลังกวาดล้าง “แหล่งมั่วสุมคนเร่ร่อน” หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่า กลุ่มคนจรจัดเข้ายึดอาคารร้างใจกลางเมืองพัทยาไว้เป็นที่เสพยาและพักอาศัย

เจ้าหน้าที่กระจายกำลังปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย ตั้งอยู่ย่านพัทยากลาง พบบุคคลต้องสงสัยรวม 5 ราย (ชาย 4 หญิง 1) บางคนถึงกับพยายามวิ่งหนี แต่สุดท้ายถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด ตรวจค้นภายในอาคารพบยาไอซ์บรรจุซองซิปและอุปกรณ์เสพ พร้อมข้าวของใช้กองเกลื่อนและกลิ่นปัสสาวะคลุ้งทั่วบริเวณ เป็นจุดพักอาศัยและมั่วสุมของกลุ่มคนเร่ร่อน 
จากการตรวจสอบประวัติหนึ่งในผู้ต้องหา คือ นายจักร (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นานในคดียาเสพติด แล้วต้องรายงานตัวเมื่อวานนี้ 13 ตุลาคม แทนที่จะกลับตัว กลับวนเข้าวังวนเดิมอีกครั้ง ทั้งยังมีคดี ขโมยรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีแดง ทะเบียนชลบุรี ซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองปรือ ช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยพบว่ารถคันดังกล่าวคือคันที่นายจักรใช้ขับขี่ในปัจจุบัน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา 4 รายแรก ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ก่อนส่งตัวเข้าบำบัด ส่วนนาย จักร ถูกแจ้งข้อหาหนัก ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในเวลากลางคืน เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนของกลางยาไอซ์ที่ตรวจพบ อยู่ระหว่างการตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างละเอียด

เจ้าหน้าที่ฝากเตือนเจ้าของสถานที่ร้าง หากพบกลุ่มคนเร่ร่อนเข้ามาอาศัย ขอให้รีบแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก เพื่อป้องกันปัญหาการมั่วสุมยาและอาชญากรรมในพื้นที่ต่อไป

>> ฝนตกหนัก น้ำจากเทือกเขา ไหลหลากลงสู่หมู่บ้านน้ำปาด รอบ 2 บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 200 หลังคาเรือน จ.พิษณุโลก

20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุฝนตกหนักบนเขารักไทยตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ส่งผลให้น้ำบนเขาไหลลงคลองน้ำปาดและไหลเข้าท่วมหมู่บ้านน้ำปาด ตำบลชมพู อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกซึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านอยู่ด้านล่าง อีกครั้ง หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา น้ำได้หลากท่วมหมู่บ้าน และโรงเรียนบ้านน้ำปาด ไปแล้วครั้งหนึ่ง ระดับน้ำคืนนี้สูงประมาณ 1 เมตรและไหลเชี่ยวแรง โดยเฉพาะบริเวณโรงเรียนบ้านน้ำปาด ริมถนนพิษณุโลก-เนินมะปราง ระดับน้ำค่อนข้างสูงประมาณ 1 - 1.5 เมตร ทำให้มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 200 หลังคาเรือน ขณะที่พื้นที่ภายในหมู่บ้านนั้น น้ำก็ไหลท่วมเป็นวงกว้าง โดยอบต. ชมพู ฝ่ายปกครองอำเภอเนินมะปราง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังระดมกำลังเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน

ทั้งนี้ยังไม่ได้รับรายงานผู้ได้รับอันตรายจากเหตุน้ำป่าท่วมหมู่บ้านน้ำปาดรอบนี้ ซึ่งลักษณะของบ้านน้ำปาดนั้น มักจะประสบเหตุน้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่เป็นประจำ ในช่วงฝนตกหนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่เชิงเขา อยู่ริมคลองน้ำปาด และน้ำป่าที่มาท่วมมักจะท่วมเร็ว และ ระดับน้ำลดลงเร็ว โดยน้ำจะไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่างในเขตของตำบลท่าหมื่นราม ตำบลหนองพระ อำเภอวังทอง และตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่มจังหวัดพิษณุโลกในลำดับถัดไป

>> แผ่นดินไหว ภายในพื้นที่ของประเทศเวียดนาม

01.02 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.5 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเวียดนาม ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ประมาณ 361 กม. ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย