14 ตุลาคม 2568 นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ราคาสุกรหน้าฟาร์มในสัปดาห์นี้ ปรับขึ้นทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคเหนือแตะระดับ 60–62 บาท/กก. ภาคตะวันออก 52–56 บาท/กก. และภาคอีสานที่ 56 บาท/กก. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเพียง 2 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย กว่า 70 บาท/กก. แต่แม้ราคาปรับขึ้น แต่ก็ยังต่ำกว่าต้นทุนการผลิตจริง โดยเฉพาะรายย่อยที่ยังขาดทุนอยู่มาก เราและสมาชิกยังร่วมมือกันลดปริมาณหมูเข้าสู่ตลาด เช่น การตัดวงจรการผลิต และกิจกรรมจำหน่ายหมู 2 กิโล 100 บาท เพื่อกระตุ้นการบริโภค 

สมาคมและผู้ประกอบการรายใหญ่ร่วมมือกัน ตัดวงจรสุกรขุนโดยการนำลูกสุกรอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ขุนเต็มวัย มาจำหน่ายในรูปแบบหมูหันราคาพิเศษ เพื่อช่วยลดปริมาณสุกรที่จะเข้าสู่ตลาดในระยะกลาง–ยาว โดยเป็นการดำเนินการ ด้วยความสมัครใจ ไม่มีเงินชดเชยจากภาครัฐ

สมาคมยังหารือให้รายใหญ่รับซื้อสุกรเข้าสู่สต๊อกมากขึ้นเพื่อชะลอปริมาณในตลาด เช่นเดียวกับแนวทางที่ประเทศจีนใช้ในการบริหารสต๊อกอาหารเพื่อความมั่นคง พร้อมเตรียมเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ เพื่อหารือเรื่องการนำเข้าสุกรจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนแต่สร้างความกังวลให้กับผู้เลี้ยงในประเทศ โดยช่วงที่ราคาหมูตกอย่างหนักในไตรมาส 2 ส่วนหนึ่งมาจากข่าวลือเรื่องหมูนำเข้าจากสหรัฐฯ ทำให้เกษตรกรเทขายหมูก่อนเวลา ซ้ำเติมตลาดให้มีซับพลายล้น สมาคมจึงต้องการความชัดเจนจากฝ่ายนโยบายโดยเร็ว

พร้อมเรียกร้องให้กรมการค้าภายในเข้าไปควบคุมราคาจำหน่ายหมูเขียงในตลาดสดทั่วประเทศอย่างจริงจัง หลังพบว่า ราคาขายปลีกยังคงสูงควร บางพื้นที่จำหน่ายหมูเนื้อแดงถึง 160–180 บาท/กิโลกรัม ทั้งที่ราคาหมูหน้าฟาร์มปรับลดลงต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มราคาช่วงปลายปี สมาคมประเมินว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่ยังต้องเฝ้าระวังภาวะต้นทุนอาหารสัตว์ที่ยังสูง โดยเฉพาะจากนโยบายพยุงราคาข้าวโพด ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสุกรของไทยสูงกว่าราคาตลาดโลกเกือบเท่าตัว อันส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์ต้องประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง อีกทั้งหากมีการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐอเมริกาตามกรอบการเจรจาภาษีที่ผ่านมาจริง จะยิ่งทำให้เกษตรกรไทยขาดขีดความสามารถในการแข่งขันและอาจล้มหายตายจากไปจากอาชีพ