24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2568

>> ไฟไหม้อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ริมถนนเทพารักษ์ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและอะไหล่ถูกเพลิงเผาวอดทั้งหมด

07.00 น. เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เทศบาลตำบลเทพารักษ์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ถนนเทพารักษ์ ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงนำรถดับเพลิงพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น พบเพลิงกำลังลุกไหม้ภายในร้าน บริเวณพื้นที่จัดแสดงและเก็บรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหลายนับสิบคัน เจ้าหน้าที่เร่งลากสายยางฉีดน้ำสกัด ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่พบว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและอะไหล่ถูกเพลิงเผาวอดทั้งหมด คาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าขณะเกิดเหตุร้านยังไม่เปิดทำการ พบเพลิงลุกไหม้ขึ้นจากบริเวณแผงวงจรไฟฟ้าหน้าร้าน ก่อนลุกลามไปยังตัวรถจักรยานยนต์ที่จอดรอจำหน่าย จนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะประสานกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้ต่อไป

>> “นายกฯ อนุทิน” เข้าทำเนียบรัฐบาลเริ่มการทำงานรัฐบาลวันแรก นับถอย 120 วัน ก่อนยุบสภา​

08.52 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรีได้สวมสูทสีเทา และยังคงใช้รถยนต์ส่วนตัวโรลส์รอยซ์

โดยมีภารกิจแรก ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ประธานกรรมการ TCELS เข้าพบนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ พันเจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และคณะ

สำหรับภารกิจนายกรัฐมนตรีช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายโครงการสัมมนาผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และระดับผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 3 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ขณะที่วันนี้ถือเป็นวันที่ 1 ของการทำงานในกรอบ 120 วันของรัฐบาล ตามข้อตกลง MOA ร่วมกับพรรคประชาชน (ปชน.) ที่จะยุบสภาภายใน 4 เดือน หรือ 31 มกราคม 2569 และตามที่นายกรัฐมนตรีได้เคยประกาศขอนับการเริ่มทำงานวันที่ 1 ตุลาคม 2568

>> ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ ติดตามการพร่องน้ำในคลองสำโรง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

09.30 น. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามการพร่องน้ำในคลองสำโรง ณ สถานีสูบน้ำสำโรงเหนือ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรปราการ

สถานีสูบน้ำสำโรงเหนือ เป็นจุดรับน้ำจากคลองสำโรงและคลองสาขา รวมถึงการระบายน้ำผ่านลำราง ท่อระบายน้ำ ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก เพื่อสูบออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีเครื่องสูบน้ำ 25 เครื่อง กำลังสูบระบายน้ำอยู่ที่เครื่องละ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปัจจุบันสถานีสูบน้ำสำโรงเหนือรักษาระดับน้ำไว้ที่ -70 ถึง -1.00 เมตร หากฝนตกต่อเนื่องไม่เกิน 50 มิลลิเมตร จะสามารถระบายน้ำในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วไม่ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ในกรณีที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่และมีปริมาณมากกว่า 50 มิลลิเมตรขึ้นไป จะส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำของสถานีสูบน้ำสำโรงเหนือ ทำให้ระบายน้ำไม่ทัน ประกอบกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า BTS และระบบสาธารณูปโภค ส่งผลกระทบทำให้การระบายน้ำไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
ในการแก้ไขปัญหาเทศบาลสำโรงเหนือได้เตรียมสร้างท่อลอดขนาด 2X4 เมตร เพื่อระบายน้ำในพื้นที่ที่มีการท่วมขังลงสู่คลองสำโรง ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรูปแบบเพื่อขออนุญาตจากแขวงการทางสมุทรปราการ

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามการระบายน้ำบริเวณประตูระบายน้ำคลองตำรุ อำเภอเมืองสมุทรปราการ มีเครื่องสูบน้ำ 6 เครื่อง กำลังสูบระบายน้ำอยู่ที่เครื่องละ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งสถานีสูบน้ำแห่งนี้จะบายน้ำจากคลองสำโรง และคลองสาขา เพื่อระบายออกสู่ทะเล นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรหากเกิดเหตุน้ำท่วมในพื้นที่

>> นายกฯ มอบนโยบายตำรวจ มุ่งแก้ปัญหายาเสพติด – พนันออนไลน์ – อาชญากรรมทางเทคโนโลยี

13.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย มอบนโยบายแก่ข้าราชการตำรวจ ในโครงการสัมมนาผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าและระดับผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยเน้นย้ำถึงการปราบปรามยาเสพติด การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนและภาพลักษณ์ของประเทศ

นายกฯ ระบุว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทั้งด้านสวัสดิการ การพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ และการเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาอาชญากรรม รวมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขอให้ตำรวจทุกท่านยึดมั่นในหลักนิติธรรม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรหลักที่ดำรงความเป็นนิติรัฐให้แก่ประเทศ เป็นที่พึ่งของประชาชน

>> รถกระบะ ชนประสานงากันกลางถนน มีทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

13.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงคำรับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถกระบะ 2 คันชนกัน และมีผู้บาดเจ็บ ถนนบ้านถ้ำกาญจนา หมู่ 8 ต.แม่ลาว อ.เชียงคำ จ.พะเยา

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ อีซูซุ สีเทา ป้ายทะเบียน กทม. สภาพด้านหน้าพังยับเยินทั้งคัน และรถกระบะ ฟอร์ด สีขาว สภาพด้านหน้าพังเสียหายเช่นกัน จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ชายอายุ 41 ปี คนขับรถกระบะสีขาว และหญิง อายุ 54 ปี ผู้โดยสารรถกระบะ สีเทา อาสาสมัครนำส่ง รพ.เชียงคำและนอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 60 ปี คนขับรถกระบะสีเทา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ ก่อนมอบให้อาสากู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตร

>> คนหาปลา พบร่างชายเมาสารระเหย ลอยในคลอง หลังพลัดตกฝายน้ำล้น

14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครนายก ได้รับแจ้งเหตุ จากคนตกปลา ว่าตนได้มาตกปลากับสามีที่บริเวณฝ่ายน้ำล้น ได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงออกตามหากลิ่น พบศพคนตายลอยน้ำติดอยู่ข้างก่อหญ้า บริเวณฝายน้ำล้นบ้านขาม-วังไทร หมู่ที่ 5 ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก

เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแพทย์เวร และกู้ภัยสว่างอริยะนครนายก ไปยังที่เกิดเหตุ พบนางหฤทัย ที่มาตกปลาพร้อมสามีได้ชี้จุดพบศพในคลอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างอริยะนครนายก ได้ลงไปในคลองใช้เชือกมัดตัวศพแล้วช่วยกันลากมาขึ้นฝั่ง เมื่อตรวจสอบบริเวณฝายนัำล้นพบขวดทินเนอร์ขวดใหญ่ 1 ขวดกระเป๋าสะพาย ข้างในมีบัตรประชาชน ทรายชื่อนายสมพร (สงวนนามสกุล)

เมื่อแพทย์ชันสูตรพลิกศพไม่พบบาดแผลหรือการถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมให้กู้ภัยสว่างอริยะนครนายกส่งศพผ่าพิสูตรที่โรงพยาบาล มศว.องครักษ์ และจะได้ติดต่อญาติมารับศพนำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

>> “นางศุภจี” มอบ 7 นโยบายพาณิชย์ ลุย “Quick Big Win” แก้ปัญหาเศรษฐกิจ วางรากฐานการค้า–ส่งออก

14.57 น. ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ และทูตพาณิชย์ประจำสถานทูตไทยในต่างประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในระยะสั้นและระยะยาว

โดยได้มอบ 7 นโยบายสำคัญ ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” ที่มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจโดยเร็ว พร้อมสร้างรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืน โดยย้ำว่า “การทำงานของกระทรวงต้องยึดหลัก ร่วมมือ–โปร่งใส–ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด”

>> กันสาดตึกอายุ 100 ปีทรุดตัว ย่านสำราญราษฎร์ กทม. ช่วยคนติดในบ้าน 5 รายปลอดภัย สั่งสำรวจอาคารเสี่ยง อาคารเก่าทั่วพระนคร

15.50 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายวิศณุ ทรัพย์สมพล และนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุกันสาดทรุดตัว ปากซอยสำราญราษฎร์ เขตพระนคร เบื้องต้นได้ปิดการจราจรภายในซอยดังกล่าว และกันประชาชนออกจากพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัย 
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดของกันสาดอาคารทรุด เมื่อเวลาประมาณ 13.40 น. พบว่ามีผู้ติดอยู่ในอาคาร 5 คน แต่สามารถนำออกมาได้หมดแล้ว และตัดกระแสไฟภายในอาคารเรียบร้อย จากข้อมูลทราบว่ามีเศษอิฐหล่นลงมาตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวโชคดีมากที่ไม่มีประชาชนสัญจรอยู่ด้านล่าง

ขณะนี้ได้มีการสั่งการให้ สำนักการโยธา สำนักงานเขต และผู้ที่เกี่ยวข้องประเมินสภาพอาคารดังกล่าว อาคารใกล้เคียง และพื้นที่โดยรอบว่าจะสามารถมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นอีกได้หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบอาคารที่มีการส่งสัญญาณชำรุด เช่น กันสาดมีความลาดเอียงหรือคานที่ค้ำกันสาดไม่มั่นคง เนื่องจากกลุ่มอาคารบริเวณดังกล่าวมีอายุการใช้งานเก่าแก่พอ ๆ กัน โดยเมื่อพบปัญหาให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ กทม. โดยด่วน เพราะจากข้อมูลทราบว่าอาคารที่กันสาดทรุดลงมามีอายุกว่า 100 ปี นอกจากนี้ ได้ให้สำนักงานเขตพระนครตรวจสอบอาคารที่มีอายุเก่าแก่ภายในพื้นที่เขต เช่น ย่านแพร่งนรา เพื่อป้องกันการเกิดเหตุ

>> นายกฯ สั่งการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนืออย่างใกล้ชิด

16.33 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ห่วงใยและได้ติดตามสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยให้จังหวัดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ และเร่งสำรวจ ช่วยเหลือและดูแลประชาชน โดยได้สั่งการหากต้องการความช่วยเหลือสามารถรายงานตรงกับอธิบดี ปภ. ได้เลย

ทั้งนี้ จากรายงานพบว่า อิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ได้ส่งผลกระทบกับหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 68 – ปัจจุบัน เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ในพื้นที่ 14 จังหวัด ในพื้นที่ 31 อำเภอ 85 ตำบล 352 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 5,484 ครัวเรือน 18,647 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.) โดยปัจจุบันมี 10 จังหวัดที่ยังได้รับผลกระทบ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม สุรินทร์ นครราชสีมา และปราจีนบุรี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 17 อำเภอ 54 ตำบล 207 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,207 ครัวเรือน 15,563 คน

โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตยังคงส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง ย้ำหน่วยงานบริหารจัดการสาธารณภัยและการใช้ทรัพยากรโดยใช้กลไกศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน และยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ

>> "ผู้ว่าฯ ชัชชาติ" เตือนประชาชนรับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุน ระดับน้ำใกล้เคียงปี 54 จับตา 9-10 ต.ค. เฝ้าระวังเป็นพิเศษ

17.56 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงสถานการณ์ฝนและน้ำในปัจจุบันว่า น้ำเหนือ และ น้ำหนุน คาดระดับน้ำสูงช่วง 9-10 ต.ค.นี้ เตือน ประชาชนนอกคันกั้นน้ำรับมือ เช่น ชุมชนใกล้เคียงวัดเทวราชกุญชร ชุมชนโรงสี รวมถึงบางจุดในเขตทรงวาด และพื้นที่ริมน้ำที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซากต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ อาจมีน้ำรั่วซึมจากแนวกั้นน้ำ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เตรียมกระสอบทรายแล้วกว่า 200,000 ลูก กระจายตามจุดเสี่ยงเพื่อเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

"สัปดาห์นี้แม้ร่องฝนยังไม่เข้ามาใกล้กรุงเทพฯ แต่คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น ขณะที่สิ่งที่น่ากังวล คือ การระบายน้ำจากเขื่อนทางตอนบน ซึ่งขณะนี้มีระดับน้ำค่อนข้างสูงใกล้เคียงกับปี 2554 และคาดว่าจะทยอยปล่อยน้ำลงมาประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แม้ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่จะทำให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นในช่วงวันที่ 9–10 ตุลาคมนี้ ทำให้ชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำต้องระมัดระวัง"

ขอให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำเพิ่มความระมัดระวัง ส่วนการสนับสนุนช่วยเหลือเบื้องต้น กทม.ได้เตรียมกระสอบทรายกระจายตามจุดเสี่ยงต่างๆ แล้ว

>> ไฟไหม้ทาวน์เฮ้าส์ ที่เปิดเป็นบริษัทออแกไนซ์ เสียหายเกือบ 3 หลัง ซอยรัตนาธิเบศร์ 18

18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซ.รัตนาธิเบศร์ 18 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และรถน้ำจากงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลนครนนทบุรี และใกล้เคียงกว่า 10 คัน รีบรุดไปอำนวยการดับเพลิง

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ปลูกติดกัน 10 หลัง พบหลังที่ 4-6 กลางซอย ซึ่งเปิดเป็นบริษัทรับจัดออแกไนซ์ฯ ถูกเพลิงไหม้ลุกลามได้รับความเสียหาย จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ทราบต้นเพลิงที่แน่ชัด ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือติดค้างภายในบ้าน พบเพียงสุนัขสายพันธุ์ชิวาว่า จำนวน 1 ตัว และแมวสายพันธุ์เปอร์เซียและแมวไทย จำนวน 8 ตัว ติดค้างอยู่ภายในบ้าน คาดว่าเสียชีวิตแล้วทั้งหมด เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

เบื้องต้นอยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อเข้าตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป

>> ไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยข้างร้านเฟอร์นิเจอร์ เสียหายวอดทั้งหลัง จ.ชลบุรี

18.20 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยเพียวเยี่ยงไท้ เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณซอยข้างร้านเฟอร์นิเจอร์ หลังโรงงานแดชั่ง ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุลักษณะเป็นบ้านไม้ เพลิงกำลังลุกไหม้ อาสาสมัครกู้ภัยเพียวเยี่ยงไท้ เข้าสนับสนุนในที่เกิดเหตุ บริการงานจราจรพร้อมไฟส่องสว่าง ประสานดับเพลิงงานป้องกันเทศบาลเจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯ เข้าสนับสนุนร่วม ใช้เวลาไม่นานควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบว่าได้รับความเสียหายทั้งหลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา

>> แผ่นดินไหว ขนาด 3.5 บริเวณพรมแดนเมียนมา - จีน ศูนย์กลางห่าง จ.เชียงราย ประมาณ 300 กม.

01.03 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.5 ลึก 10 กม. บริเวณพรมแดนประเทศเมียนมา - ประเทศจีน ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ประมาณ 300 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย  

>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

04.56 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.2 ลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ประมาณ 54 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย