หน้าแรก > ภูมิภาค

อช.แก่งกระจานจับ "พราน" ลอบล่าสัตว์ป่า หลังวางแผนสกัดเข้มข้นช่วงหน้าฝน

วันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 10:59 น.


​เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานปฏิบัติการเชิงรุก "จับก่อนล่า" โดยสามารถจับกุมชายต้องสงสัยได้ 1 ราย พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน หลังวางแผนลาดตระเวนและดักซุ่มสกัดกั้นกลุ่มพรานที่ฉวยโอกาสช่วงฤดูฝนลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่า

​ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ที่สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่าและสัตว์ป่า โดยนายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และนายญาณ อ้วนสิงห์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ ได้ปรับแผนการทำงาน โดยเน้นการลาดตระเวนบริเวณแนวขอบป่า เพื่อสกัดกั้นบุคคลไม่ให้เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ เนื่องจากช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่สัตว์ป่ามักจะออกมาหากินน้ำตามลำห้วย ทำให้เสี่ยงต่อการถูกล่า

​เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนที่ 12 (เขาหินลาด) ได้ออกลาดตระเวนและดักซุ่มในพื้นที่บ้านเขาแหลม ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เวลาประมาณ 21.17 น. เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงเข้าทำการตรวจสอบ และพบชายคนหนึ่งกำลังเดินสะพายปืนยาวพร้อมส่องไฟฉายไปมา เจ้าหน้าที่จึงวางแผนโอบล้อมและเข้าแสดงตัวเพื่อจับกุม

​จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก พร้อมกระสุนที่อยู่ในรังเพลิง 1 นัด และกระสุนลูกซองอีก 6 นัดในกระเป๋าสะพาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ซึ่งยอมรับว่าได้นำอาวุธปืนเข้ามาในเขตอุทยานฯ เพื่อล่าสัตว์ป่าจริง

​หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดของกลางทั้งหมดและนำตัว ชายคนดังกล่าวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีการแจ้งข้อหา​ มาตรา 19 (6) พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562: ข้อหาเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานฯ​ มาตรา 12 พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562: ข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ​ และตาม​ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490: ข้อหามีและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

​นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการวางแผนเพื่อปราบปรามและจับกุมพรานป่าก่อนที่จะเกิดการสูญเสียชีวิตของสัตว์ป่า และเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ที่คิดจะกระทำผิดในพื้นที่อุทยานฯ ว่าจะมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง

ข่าวยอดนิยม