หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 16 กันยายน 2568

วันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 05:34 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 16 กันยายน 2568


>> ไฟไหม้บ้านร้าง ซอยเจริญกรุง 66 ลุกไหม้กองขยะ แล้วลุกลามฝ้าเพดาน

08.24 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยเจริญกรุง 66 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น เป็นบ้านร้างไม่มีผู้พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้ กองขยะลุกลามฝ้าเพดาน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากคนเร่ร่อนจุดไฟเผากองขยะ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยยานนาวา


>> ลิงหลุดออกจากกรงสวนอนุบาลกว่า 100 ตัว ป่วนโรงพัก-บ้านเรือนประชาชน จ.ลพบุรี

09.00 น. เกิดเหตุลิงบริเวณสวนอนุบาลลิงโพธิ์เก้าต้น อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี ได้หลุดออกมาจากกรงของสวนอนุบาลลิงจำนวนกว่า 100 ตัว ซึ่งบางส่วนได้เข้าไปที่โรงพักท่าหินที่อยู่ใกล้กับสวนลิง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของโรงพักต้องออกมาใช้หนังสติ๊กยิงไล่ลิงกลับไปที่สวนลิง

โดยลิงบางส่วนก็ได้เข้าไปรื้อรถยนต์ที่จอดอยู่ในโรงพัก ขณะที่ลิงอีกส่วนหนึ่งได้เดินข้ามถนนเข้าไปยังบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถนำกลับเข้ากรงได้ ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานคาดว่าน่าจะลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของทางเทศบาลเมืองลพบุรี ที่เป็นผู้ดูแลลิงของสวนอนุบาลลิงโพธิ์เก้า ค่อยไล่ให้ลิงที่หลุดออกมาอยู่ในพื้นที่รอบกรงลิง ด้วยการจุดประทัดและใช้ไม้ไล่ให้ลิงอยู่ในวงจำกัดไม่ออกจากพื้นที่ศูนย์อนุบาลลิงไปไกลและไปสร้างความเดือดร้อนให้กับทางชาวบ้าน ซึ่งลิงส่วนใหญ่ก็จะวิ่งหนีอยู่โดยรอบของกรงลิง มีส่วนน้อยที่หนีออกไปไกลจากพื้นที่


>> หนุ่มวัย 28 ปี ปีนซ่อมหลังคา พลัดตกกระแทกพื้น ถูกเศษกระเบื้องตกใส่ขอบตา หวิดบอด

10.00 น. ศูนย์กู้ชีพจังหวัดลำปาง รับแจ้งเหตุชายพลัดตกจากหลังคาภายในโรงงานเซรามิกแห่งหนึ่ง ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลลำปาง พร้อมกู้ภัยสว่างนครลำปางรุดตรวจสอบทันที

ที่เกิดเหตุ พบชายอายุ 28 ปี นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หลักจากตกจากหลังคาสูงประมาณ 3 เมตร มีเลือดออกจำนวนมากและบาดแผลฉีกขาดที่ดวงตา เจ้าหน้าที่รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลลำปางโดยด่วน บริเวณใกล้เคียงพบเศษกระเบื้องหลังคาแตกกระจายเต็มพื้น

จากการสอบถามเพื่อนพนักงาน ทราบว่าผู้บาดเจ็บขึ้นไปซ่อมหลังคาได้เพียงไม่กี่นาที ก่อนจะได้ยินเสียงดังคล้ายกระเบื้องแตก และเสียงร่างคนตกกระแทกพื้น เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นชายดังกล่าว ตกลงมา และไม่กี่วินาทีกระเบื้องที่บริเวณหลังคาได้ตกลงมาใส่บริเวณขอบเบ้าตาของผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหวิดโดนแทงเข้าลูกตา หลังจากนั้นจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือทันที


>> ไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยศิริเกษม 21 เพลิงลุกไหม้ชั้นบนเสียหายวอด

12.00 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยศิริเกษม 21 ถนนศิริเกษม แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านคอนกรีต 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบน เพลิงลุกไหม้ชั้นบนเสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 150 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค


>> ผบ.ตร. ยันเหตุชายผูกคอเสียชีวิต พื้นที่ สน.บางเสาธง ไม่เกี่ยวถูกระงับอายัดบัญชี พบมีประวัติเสพยา

13.17 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณี มีชายวัย 37 ปี ผูกคอตายที่จอดรถภายในบ้านในพื้นที่ สน.บางเสาธง โดยมีเพื่อนผู้เสียชีวิตเป็นคนแจ้งเหตุการตาย และให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า เมื่อคืนผู้เสียชีวิตได้ปรับทุกข์ระบายความเครียดเกี่ยวกับเรื่องถูกระงับบัญชี ไม่สามารถใช้เงินได้ เนื่องจากบัญชีมีความเกี่ยวโยงกับบัญชีม้าที่ถูกระงับ ต่อมาได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน และผู้เสียชีวิตอยู่คนเดียว ก่อนที่จะพบว่าเสียชีวิตจากการผูกคอตาย นั้น

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า เบื้องต้นรับทราบการรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตมีการพูดคุยกับเพื่อน แต่ก็อาจเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้ ซึ่งทางตำรวจนครบาลได้ตรวจสอบพบว่าผู้ที่เสียชีวิตไม่ได้มีเหตุถูกระงับบัญชีแต่อย่างใด ทั้งนี้ได้สั่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 แล้ว ว่าให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในรายละเอียดลึกลงไป ว่าสาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากอะไร พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบพบว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกระงับบัญชี

ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ผู้เสียชีวิตมีประวัติเคยพบว่ามีการเสพยาเสพติด โดยจะเรียกเพื่อนผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ เพื่อดูว่าสิ่งที่ผู้เสียชีวิตปรับทุกข์นั้นมีเรื่องหนี้สินหรือถูกระงับบัญชีจริงเท็จแค่ไหน และจะให้ทางนครบาลรายงานให้ทราบโดยเร็วที่สุด

“หากพบว่าผู้เสียชีวิต เป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับบัญชีม้า ก็ต้องเป็นไปตามกฏหมายวิอาญา ว่าผู้กระทำผิดเสียชีวิตในเรื่องคดี แต่คิดว่าหากเป็นอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตอาจจะเกิดความกดดันจากตัวเอง ที่กระทำความผิดแล้วไปหลอกลวงเงินคนอื่นจนจบชีวิตตัวเอง ก็จะต้องมีการชันสูตรตรวจสอบสาเหตุการตายด้วยกระบวนการ ผบ.ตร. กล่าว


>> “สายไหมต้องรอด” พาผู้เสียหายถูกหลอกโอนเงิน 200 ล้าน ร้อง สคบ.–ตำรวจไซเบอร์ เร่งติดตามคดี

14.24 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ “สายไหมต้องรอด” พร้อมทีมงาน พาผู้เสียหายนับสิบรายที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลงทุนเทรดหุ้นรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เพื่อเร่งรัดติดตามคดี หลังผู้เสียหายหลายรายโอนเงินนับสิบล้านบาทแล้วการอายัดบัญชีนิติบุคคลทำได้ล่าช้า

ผู้เสียหายเล่าว่าบางรายถูกหลอกโอนเงินสูงสุดถึง 165 ล้านบาท ขณะที่ตำรวจเพิ่งอายัดได้เพียงบางบัญชี ทั้งที่แจ้งความมาหลายเดือน จึงวอน สคบ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานและแจ้งความคืบหน้าให้ชัดเจน ด้านนายฐิตินันท์ สิงหา รองเลขาธิการ สคบ. ระบุหลังรับเรื่องแล้วจะรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง พร้อมเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ก่อนพิจารณาว่าจะดำเนินคดีอย่างไรต่อไป


>> ทบ.ย้ำชัด "บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว" อยู่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจน

14.30 น. กองทัพบก ได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพา กรณีเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านกัมพูชาได้แสดงความไม่พอใจ และรื้อลวดหนามบางส่วน บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยแจ้งว่าทหารไทยกำลังล้อมลวดหนามเพิ่มเติมจากแนวเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่าทหารกัมพูชาอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุด้วย 
ภายหลังเกิดเหตุ กองกำลังบูรพาจึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมประสานไปยังหน่วยทหารกัมพูชาที่ควบคุมพื้นที่ ให้เข้าชี้แจงชาวกัมพูชาให้หยุดการกระทำดังกล่าว จนสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติ

ต่อกรณีดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงคือบริเวณแนวลวดหนามป้องกันตนเองดังกล่าวนั้น อยู่ในพื้นที่อธิปไตยไทยอย่างชัดเจน แม้ว่าปัจจุบันเหตุการณ์คลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติแล้ว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มองว่าเข้าข่ายการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิง ที่ฝ่ายกัมพูชามีการกระทำที่แสดงออกถึงการยั่วยุฝ่ายไทย โดยการใช้ประชาชนมาแสดงออก โดยที่ฝ่ายทหารกัมพูชาเพิกเฉย ไม่ได้พยายามที่จะดำเนินการห้ามปรามใดๆ อีกทั้งมีความพยายามสร้างกระแสบิดเบือนข้อมูล ว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทั้งที่จริงแล้วเป็นพื้นที่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจน ซึ่งฝ่ายไทยจะได้รวบรวมหลักฐานประท้วงผ่านกลไกสากลต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงที่มีระหว่างกันของฝ่ายกัมพูชาต่อไป


>> จ.อุทัยธานี "สุนัขพิตบลู" คาบร่างเด็กหญิงวัย 2 เดือน ออกจากเปลโยก จนบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา คาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น

14.40 น. สภ.เขาบางแกรก รับแจ้งจากโรงพยาบาลหนองฉางว่า มีเด็กหญิงอายุเพียง 2 เดือน ถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัดขย้ำอาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุยังบ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี 
ที่เกิดเหตุเป็นโรงจอดรถ พบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ ข้างกันพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น 3 ชิ้นเปื้อนคราบเลือด ส่วน "เจ้าบิ๊ก" สุนัขพันธุ์พิตบูล อายุ 2 ปี เจ้าของบ้านเลี้ยงไว้ ยังคงเดินวนอยู่ภายในบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าลงจากรถ ต้องให้เจ้าของบ้าน และเจ้าของสุนัขนำไปขังก่อน

โดยเจ้าของบ้าน ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเอ (นามสมมุติ) อาชีพรับซื้อของเก่า ได้พา ภรรยา พร้อมบุตรสาววัย 2 เดือนมาที่บ้าน ขณะทั้งคู่กำลังเก็บของเก่าใส่ถุงปุ๋ย จึงนำรถเข็นเปลโยกเด็กมาวางไว้ในโรงจอดรถ พร้อมของเล่น ขณะนั้นเจ้าบิ๊ก เดินตามออกมา ก่อนจะวนไปดมเด็กที่นอนอยู่ จากนั้นเจ้าบิ๊กวิ่งกลับไปคาบร่างทารกออกจากเปลรถเข็น ไปยังรางระบายน้ำ คาดสุนัขจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น เด็กน้อยส่งเสียงร้อง ตนเองรีบวิ่งตามไปไล่จนสุนัขปล่อยร่างเด็ก จึงรีบอุ้มส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกเหตุการณ์ไว้ พร้อมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป โดยสุนัขถูกกักไว้ในความดูแลของเจ้าของบ้านเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ครอบครัวผู้สูญเสียอยู่ในอาการโศกเศร้าอย่างหนักกับการจากไปของลูกน้อยวัยเพียง 2 เดือน


>> เพลิงไหม้รถยนต์ กลางถนนพระราม 2 รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

18.56 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ สถานที่เกิดเหตุ ถนนพระรามที่ 2 (ขาออก) แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ชนิดเก่ง หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายบริเวณกระโปรงหน้ารถยนต์ด้านขวา รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่โคมไฟหน้ารถยนต์ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนเทียน


>> คนร้ายขว้างไปป์บอมบ์ ใส่ร้านสะดวกซื้อ 2 จุด ในพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา โชคดีไร้เจ็บ - ไร้เสียชีวิต

19.10 น. ศูนย์วิทยุ สภ.ธารโต จ.ยะลา ได้รับแจ้งจาก ผบ.ร้อยฉก.ตชด.441 ว่าเกิดเหตุคนร้าย จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน มาขว้างระเบิดแบบไปป์บอมบ์เข้าใส่ร้านสะดวกซื้อ ขวัญใจมินิมาร์ท ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา เบื้องต้นไม่มีผู้ใดรับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

ต่อมา เวลาประมาณ 19.29 น. ก็มีรายงานเหตุการณ์ที่คล้ายกันอีก 1 จุด โดยคนร้ายได้ปาระเบิดไปป์บอมบ์เข้าใส่ร้านมินิมาร์ท ในพื้นที่บ้านบันนังกระแจะ หมู่ที่ 5 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ ชุด เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด EOD และ ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดในวันพรุ่งนี้ต่อไป (17ก.ย.68) เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป ขณะที่เจ้าของร้านขวัญใจมินิมาร์ท

ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเวลา 19.09.49 นาที คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสียี่ห้อและแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน มาจอดริมถนน หน้าร้านขวัญใจมินิมาร์ท คนซ้อนท้ายลงมาจากรถ แล้วขว้างระเบิดแบบไปป์บอมบ์ตกใส่หลังคา ก่อนกลิ้งตกหน้าร้านซึ่งใกล้กับรถยนต์กระบะของทางร้าน และในเวลาประมาณ 19.09.55 นาที ได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่งผลทำให้กระจกหน้าร้านและอุปกรณ์หน้าร้านได้รับความเสียหายดังกล่าว


>> รถยนต์เก๋งพุ่งชนท้ายรถกระบะคอกหน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนพุ่งชนระเนระนาด รวม 7 คัน บาดเจ็บ 2 ราย คาดฝนตกถนนลื่น

20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์และรถจยย.เฉี่ยวชนกันหลายคัน มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ถนนติวานนท์ ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ในพื้นที่ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋งพุ่งชนท้ายรถกระบะคอก ก่อนพุ่งชนระเนระนาดต่อเนื่อง มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย เป็นรถยนต์เก๋ง 3 คัน รถกระบะคอก 1 คัน รถจยย. 2 คัน และรถจยย.พ่วงข้าง (ขายลูกชิ้น) 1 คัน รวมเสียหาย 7 คัน มีผู้บาดเจ็บเป็นหญิงเดินเท้า 1 ราย อายุประมาณ 35-40 ปี และชาย 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งช่วยปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงไทย

พ.ต.ท.ฐาปนพงษ์ พึ่งมี สว.จร. สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ได้รับแจ้งอุบัติเหตุจากศูนย์วิทยุว่ามีรถเฉี่ยวชนกันหลายคัน บริเวณถ.ติวานนท์ (ขาออก) ตรงข้ามโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ามีรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนรถกระบะคอก และเสียหลักหมุนเข้าไปชนกับรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ได้รับความเสียหาย เป็นรถยนต์เก๋ง 3 คัน รถกระบะคอกเล็ก 1 คัน รถจยย. 2 คัน และรถจยย.พ่วงข้าง (ขายลูกชิ้น) 1 คัน รวมเสียหาย 7 คัน มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เป็นชาย 1 ราย และหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงไทย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ เบื้องต้นได้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งคันแรกและรถกระบะคอกเล็ก ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ฝนตกคาดว่าถนนลื่น

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์คนขับ 2 ราย ซึ่งตรวจไม่พบ และอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม