หน้าแรก > ภูมิภาค

คืบหน้า! กู้เรือเมียนมา เกยตื้นเกาะสุรินทร์ กองทัพเรือภาคที่ 3 เข้าร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือ คาดสำเร็จภายในวันที่ 20 มิ.ย.

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 10:40 น.


เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568  - อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ รายงานความคืบหน้าการกู้เรือขนส่งสินค้าสัญชาติเมียนมา "MV.AYAR LINN" ที่เกยตื้นบนแนวปะการังอ่าวจาก โดยปฏิบัติการสำคัญครั้งนี้ได้น้อมนำตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตน์ราชกัญญา ที่ทรงมุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล

การกู้เรือครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบจากกองทัพเรือภาคที่ 3 และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.ภาค 3) โดยจัดชุดกู้เรือประกอบด้วย เรือหลวงมันนอก, ชุดปฏิบัติการพิเศษจากกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3, เจ้าหน้าที่ประดาน้ำ 1 ชุด และกำลังพล 50 นาย เข้าร่วมสนับสนุนภารกิจ
นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ รายงานว่า การปฏิบัติงานเป็นไปตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เน้นให้เร่งกู้เรือเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศปะการังให้น้อยที่สุด

เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายกระสอบปูนซีเมนต์ออกจากตัวเรือจนหมดสิ้น โดยพบว่าในห้องเก็บสินค้าไม่มีสินค้าอื่นใดเหลืออยู่ ขั้นตอนสำคัญคือการติดตั้งและเคลื่อนย้ายตำแหน่งถังน้ำขนาด 200 ลิตรไปยังจุดที่ต้องการให้เรือลอยขึ้น พร้อมยึดให้แน่นหนา 

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอัดอากาศเข้าไปในถังน้ำขนาด 200 ลิตรให้ครบทุกถัง คาดการณ์ว่าตัวเรือจะสามารถยกลอยขึ้นพ้นแนวปะการัง หลังจากนั้นเรือหลวงมันนอกจะทำหน้าที่ลากจูงเรือขนส่งสินค้าดังกล่าวไปยังบริเวณที่กำหนดไว้
การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เผชิญกับอุปสรรคจากสภาพอากาศในช่วงฤดูมรสุม ที่มีกระแสคลื่นและลมแรง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม ทีมงานยังคงดำเนินการอย่างระมัดระวังและรอบคอบ

การกู้เรือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตน์ราชกัญญา ที่ทรงเน้นการฟื้นฟูเพื่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืนอย่างแท้จริง

หมู่เกาะสุรินทร์เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของประเทศ การกู้เรือที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ระบบนิเวศกลับคืนสู่สภาพปกติ และนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความงามของแนวปะการังที่สมบูรณ์ต่อไป การปฏิบัติภารกิจนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นการสร้างแบบอย่างที่ดีในการจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉินทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


 

ข่าวยอดนิยม