24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 3 เมษายน 2568
>> ไฟไหม้บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จ.นนทบุรี 'รปภ.' ช่วย 2 ตายายรอดหวุดหวิด
09.45 น. เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองไทรม้า นครนนทบุรี นำรถน้ำจำนวน 7 คัน เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้บ้านในหมู่บ้านซื่อตรง รัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมืองนนทบุรี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 3 ไฟกำลังโหมลุกไหม้จากชั้น 2 ลุกลามไปยังชั้น 3 หลังจากนั้นรถดับเพลิงจำนวน 7 คันเข้าพื้นที่เร่งใช้น้ำทำการฉีดดับจนเพลิงสงบโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังเพลิงสงบพบความเสียหายที่ชั้น 2 และชั้น 3 จากการสอบถาม คุณยาย เจ้าของบ้านกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกับคุณตา อยู่กันชั้นล่าง จู่ๆ มีคนตะโกนบอกไฟไหม้ ตนก็ช่วยพยุงคุณตาออกมาด้านนอก และย้อนกลับไปอีกครั้งเพื่อดับไฟ แต่ไม่สามารถดับได้ โดยพบว่าต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณหัวเตียงนอนชั้น 2 ขณะที่ทางด้านนายชัด เพชรอินทร์ เจ้าหน้าที่ รปภ. ของหมู่บ้านเผยว่าขณะที่นั่งเข้าเวรยามอยู่ที่ป้อม ก็พบเห็นกลุ่มควันโพยพุ่งออกมาจากชั้น 2 จึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านตะโกนบอก 2 ตายายเจ้าของบ้าน พร้อมกับนำตัวออกมาด้านนอก หลังจากนั้นไม่นานแสงเพลิงก็เริ่มลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบถามพยานแวดล้อมไว้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร แต่อย่างไรก็ตามจะต้องให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง
>> รัฐบาลจัดหนัก สั่งปิดกั้นเว็บผิดกฎหมาย 6 เดือนแรกจัดไปแสนกว่า เว็บพนันออนไลน์ครองแชมป์มากสุด
09.45 น. นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ
โดย ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568 ( 6 เดือนของปีงบประมาณ 2568 ) กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายแล้ว 101,026 รายการ หรือเฉลี่ย 16,837 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 1.62 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2567 (เดือน ตุลาคม 2566 - มีนาคม 2567) ที่ปิดกั้น 62,438 รายการ หรือ เฉลี่ย 10,406 รายการต่อเดือน
สำหรับประเภทของการปิดกั้นในช่วงดังกล่าว ( ต.ค. 2567 - มี.ค. 2568 ) คือ พนันออนไลน์ จำนวน 42,098 รายการ, บิดเบือน/หลอกลวงออนไลน์ จำนวน 24,887 รายการ และอื่นๆ จำนวน 34,041 รายการ
>> จับแล้ว 2 โจ๋ มือทิ้งระเบิด ทำเด็ก 9 ขวบเสียชีวิต ยอมรับทำตามสื่อออนไลน์แล้วนำไปทดลอง
11.00 น. นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมพล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร พ.ต.อ.อมรวิทย์ มั่นทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวังทรายพูน นางสาวสาวิตรี สร้อยอุทา นายอำเภอวังทรายพูน นางปิยนาฏ เสงี่ยมศักดิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พิจิตร ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาที่นำระเบิดไปทิ้งไว้เป็นเยาวชน 2 รายชื่อ นายปอ และนายนอ (นามสมมุติ) หลังจากที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ร่วมกับตำรวจ สภ.วังทรายพูน เจ้าของพื้นที่ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจังหวัดพิจิตร (EOD) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 6 เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมปิดกั้นประชาชนให้ออกห่างจากบริเวณที่พบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว และได้รวบตัววัยรุ่น 2 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนต้องสงสัยที่จะเป็นคนนำระเบิดไปทิ้งไว้
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหา 2 ราย ให้การรับสารภาพว่า มีผู้ร่วมขบวนการประมาณ 4-5 คน ได้ดูยูทูปแล้วร่วมกันทำวัตถุระเบิด โดยใช้ประทัดไล่นกจากตลาด แล้วถอดดินปืนออกแล้วนำหินเล็กๆ ใส่แล้วนำมามัด โดยทำระเบิดแบบง่ายๆ ร่วมกันทำที่บ้าน นายปอ (นามสมมุติ) โดยทำได้ประมาณ 10 ลูกกลมๆ หลังจากนั้นช่วงประมาณปีใหม่ที่ผ่านมา ได้นำระเบิดที่ทำเสร็จไปทำการทดลองขว้างจะปะทุหรือระเบิดหรือไม่ บางลูกก็ระเบิดและบางลูกก็ไม่ระเบิด โดยลูกไม่ระเบิดก็ตกอยู่ข้างทาง และนายปอ กับพวกก็พยายามหา แต่หาเจอบ้างไม่เจอบ้าง ไม่เจอก็ทิ้งไว้เพราะเป็นป่า
หลังจากเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้มีคนตาย และขอให้เป็นอุทาหรณ์พ่อแม่ผู้ปกครองต้องช่วยกันดูแลเด็กๆ โดยไม่ให้ทำในสิ่งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร ได้มอบเงินสงเคราะห์ดูแลเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมจะประสานไปทาง พมจ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดูแลครอบครัวของแม่น้อง 9 ขวบที่เสียชีวิตด้วย
>> พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี นั่งหัวโต๊ะประชุมติดตามการปฏิบัติการขยายผลตรวจค้นร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายย่อย จำนวน 82 จุด ทั่วประเทศ ตามนโยบายนายกฯ
12.00 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมสั่งการและติดตามการปฏิบัติการขยายผลตรวจค้นร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายย่อย จำนวน 82 จุด ทั่วประเทศ ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสั่งการให้ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้สั่งการให้มีการระดมกวาดล้าง และทำการขยายผลการจับกุมโดยจากการสืบสวนพบสถานที่ซึ่งน่าเชื่อได้ว่า เป็นร้านค้าของผู้จำหน่ายรายย่อย จำนวน 82 จุด ประกอบด้วย ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายสิ่งของผิดกฎหมายเกี่ยวกับบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า หรือสารอื่นใด ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงได้ อันเป็นการแพร่กระจายในวงกว้าง หรือเป็นสถานที่ซึ่งเป็นที่เก็บสิ่งของผิดกฎหมาย และเป็นแหล่งจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.อัคราเดชฯ ได้มีข้อกำชับสั่งการผ่านห้องปฏิบัติการอัจฉริยะ ชั้น 4 บก.สส.บช.น. เพื่อควบคุมสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายอันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาแก่พี่น้องประชาชนต่อไป
>> นทท.สาวชาวต่างชาติ ขับรถเก๋งเฉี่ยวชนรถชาวบ้านที่จอดอยู่ริมทางแล้วพลิกคว่ำ ชาวบ้านแฉ เคยชนแล้วหนีมาแล้ว
13.00 น. มีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งได้มีการโพสต์ ระบุว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์นั่งส่วนบุคคล สีดำ พลิกคว่ำบริเวณหน้าซุปเปอร์ชีป ไม้ขาว หมู่ที่ 4 ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยรถคันดังกล่าวได้เฉี่ยวชนรถของชาวบ้านที่จอดอยู่ริมทางเพื่อซื้อของ
เบื้องต้นทราบว่า ผู้ขับขี่เป็นหญิงชาวต่างชาติ เดินทางมาพร้อมกับชายชาวต่างชาติอีกหนึ่งคน โดยมีหญิงสาวที่เป็นคนขับมีอาการมึนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ขณะเกิดเหตุยังเปิดเพลงเสียงดัง เต้นรำ และสูบบุหรี่ โดยไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมถ่ายรูปกับรถที่เกิดเหตุ โดยมีชายชาวต่างชาติที่มาด้วยเป็นผู้ถ่าย ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 หญิงชาวต่างชาติคนดังกล่าวเคยขับรถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนรถของชาวบ้านในพื้นที่เดียวกัน แต่กลับขับหนีไปโดยไม่แสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหาย
>> แม่ค้าส้มตำผวา นั่งปลดทุกข์ เหลือบเห็นศพคนตายขึ้นอืดกลางป่าหญ้า
15.00 น. สภ.หนองปรือ รับแจ้งจากประชาชนว่า พบร่างของเสียชีวิตอยู่กลางป่า เหตุเกิดบริเวณ หลังตลาดสดเก่า ซอยทุ่งกลมตาลหมัน 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าเป็นลานโล่งมีเพิงพัก ใช้ผ้าใบขึงลักษณะคล้ายการกางเต็นท์พักแรม ห่างไปประมาณ 10 เมตร เป็นกองดินสูงประมาณ 2 เมตร มีต้นไม้ และป่าหญ้าขึ้นปกคลุมล้อมรอบ พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายบัวสอน อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้น นอนเสียชีวิตในสภาพขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 1 วัน เจ้าหน้าที่จึงกันห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
สอบถาม น.ส.ขวัญ อายุ 55 ปี แม่ค้าขายส้มตำ ทราบว่า ตนเองขายของอยู่ริมถนนใกล้จุดเกิดเหตุ และเคยเห็นผู้เสียชีวิตเป็นประจำ เพราะทำหน้าที่เฝ้ารถแม็คโคร และพักอยู่ในเพิงพักด้านหน้า ก่อนเกิดเหตุตนเองจะเดินเข้าไปปัสสาวะในป่า ก็รู้สึกผิดปกติเนื่องจากมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยมา กระทั่งกำลังก้าวขาเข้าไปปัสสาวะในป่าที่ลับตาคน ก็ต้องตกใจสุดขีด เรียกได้ว่า ปัสสาวะแทบราด เพราะภาพในเบื้องหน้าที่ตนเองเห็นนั้น เป็นร่างมนุษย์นอนเสียชีวิตขึ้นอืดอยู่ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบวิ่ง ออกมาจากป่าแล้วโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
ขณะที่ชาวบ้านให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตนั้นได้หายตัวไป ประมาณสองวันแล้ว นายจ้างก็พยายามตามหาแต่ก็ไม่พบ โดยที่พบกันครั้งสุดท้ายผู้ตายช่วยเจ้าของที่เกี่ยวหญ้า ใกล้จุดพบศพ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นหน้าเลย ซึ่งผู้ตายนั้นเป็นคนชอบดื่มเหล้าขาว ชนิดกินแทนน้ำเลย เชื่อว่าน่าจะมีโรคประจำตัวด้วย จนกระทั่งมาพบเป็นศพขึ้นอืดเช่นนี้ เบื้องต้น ร.ต.อ.ณัฐบดินทร์ ทองอินทร์ รอง สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมส่งร่างผู้เสียชีวิตไปตรวจชันสูตรพลิกศพ ยังสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสรุปสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
>> ผู้นำรัฐบาลเมียนมา เดินทางถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุม BIMSTEC ครั้งที่ 6
15.46 น. พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้นำรัฐบาลเมียนมา เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพมหานครแล้ว ด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศเมียนมา
พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ครั้งที่ 6 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งไทยจะกลายเป็นประเทศที่ 3 ที่พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย เดินทางออกนอกประเทศ หลังจากไปจีน และรัสเซีย
>> รถกระบะหลุดโค้งชนกำแพงบ้านเรือน คนขับร่างกระเด็นออกมาเสียชีวิตกลางถนน
16.02 น. รับแจ้งจาก สมาคมกู้ภัยเรณูนคร มีอุบัติเหตุรถกระบะชนบ้านเรือนประชาชน และมีผู้บาดเจ็บ ริมถนนสาย พระซอง - เรณูนคร ช่วงทางโค้งใกล้เคียง ศาลเจ้าปู่ถลา ในพื้นที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ นิสสัน นาวาร่า สีดำ ป้ายทะเบียน สกลนคร ลักษณะเสียหลักหลุดโค้งแล้วชนกับกำแพงบ้านเรือนข้างทาง สภาพหน้ารถพังเสียหายยับ ตรวจสอบที่กลางถนน ห่างไปประมาณ 10 เมตร พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 40 - 50 ปี ลักษณะกระเด็นออกมาจากตัวรถ ในส่วนของสาเหตุนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เรณูนคร
>> หนุ่มอเมริกันคลั่ง นั่งทำร้ายตัวเองที่เกาะกลางถนน
17.06 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รับแจ้งเหตุมีบุคคลคุ้มคลั่ง ใช้อาวุธมีดทำร้ายตัวเองได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณเกาะกลางถนนสุขุมวิท ช่วงพัทยาเหนือ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ บริเวณเกาะกลางถนน พบชาย 1 ราย อายุ 35 ปี สัญชาติชาวอเมริกัน นั่งอยู่ในอาการคลั่ง ใช้อาวุธมีดปชายแหลมซึ่งถืออยู่ในมือทิ่มคอตัวเอง จากนั้นเอามีดแทงบริเวณหน้าอกตัวเองหลายแผล จนเลือดพุ่งกระเซ็นเต็มร่างกาย ก่อนเจ้าตัวจะล้มลงแล้วใช้มืออีกข้างหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยเหลือ แต่เจ้าตัวพยายามขัดขืนการช่วยเหลือ จนท.จึงช่วยกันปฐมพยาบาลก่อนเคลื่อนย้ายส่ง รพ.กรุงเทพ-พัทยา ไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเจ้าตัวมีบาดแผลฉกรรจ์และเสียเลือดมาก
สอบถาม นางทิพวรรณ อายุ 63 ปี ผู้แจ้ง เล่านาทีเกิดเหตุให้ฟังด้วยอาการตื่นตระหนกว่า ป้ามีอาชีพเก็บของเก่า ระหว่างที่ไล่เก็บของเก่ามาตามถนนสุขุมวิท กระทั่งมาถึงบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันพัทยาเหนือทางลงมอเตอร์เวย์ เจอคนเจ็บยืนใช้มีดทิ่มคอตัวเอง ก่อนจะเหลือบสายตามามองป้าลักษณะตาขวาง ป้ากลัวมากว่าจะถูกจับเป็นประกัน จึงทิ้งรถวิ่งไปบอกตำรวจที่ป้อมเข้ามาช่วยเหลือ แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่เริ่มรุมล้อมจะช่วยเหลือ กลับหนีวิ่งข้ามไปเกาะกลางถนนแล้วใช้อาวุธมีดทำร้ายตัวเองดังกล่าว
เบื้องต้น ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบอาวุธทำครัวมีดปลายแหลมตกอยู่ 1 เล่ม มีคราบเลือดติดอยู่ ซึ่งเป็นอาวุธที่คนเจ็บใช้ทำร้ายตัวเอง เอกสารประจำตัว และหนังสือเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะตรวจหาความเชื่อมโยงถึงสาเหตุ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่เกิดขึ้น ว่าคนเจ็บทำร้ายตัวเองเพราะอะไร คงจะต้องรอให้คนเจ็บหายดีเสียก่อน ทางตำรวจจึงเชิญตัวมาสอบสวนหาสาเหตุอีกครั้ง.
>> “ผู้ว่าฯ นนท์” สั่งตรวจศาลากลางหลังเก่าโบราณสถานอายุกว่า 100 ปี หลังเหตุแผ่นดินไหว
18.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี (หลังเก่า) ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.นนทบุรี ได้สั่งการให้สำนักงานโยธาและผังเมือง จ.นนทบุรี และเทศบาลนครนนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารศาลากลางจังหวัดนนทบุรี หลังเก่าที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณริมเขื่อนท่าน้ำนนทบุรี ว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหมเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 จนได้รับความเสียหายหรือไม่
โดยอาคารศาลากลางจังหวัดนนทบุรี (หลังเก่า) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ที่มีอายุกว่า 100 ปี ได้มีบางส่วนจัดเป็น “พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี” และบางส่วนเป็นโรงเรียนอนุบาลนนทบุรี เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถม 6 เนื่องจากเป็นอาคารเก่า ก่อสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมด มีอายุการใช้งานมานาน จึงเกรงว่าจะเกิดผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ทางจังหวัดนนทบุรี จึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบอาคารโครงสร้างทั้งหมด และฐานรากก่อนที่โรงเรียนจะเปิดทำการ เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง
จากการตรวจสอบพบว่ามีอาคาร 2 ส่วนที่ทางโรงเรียนอนุบาลนนทบุรี ใช้งานคือปีกด้านซ้าย และปีกด้านขวาเป็นอาคารสูง 2 ชั้น พบไม้พื้นบางส่วน และฝ้าบางส่วนผุพัง สำหรับตัวอาคารอื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบหรือเสียหาย ส่วนฐานรากอยู่ระหว่างประสานงานผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบอีกครั้ง
>> เพลิงไหม้บ้าน ซอยวิภาวดีรังสิต 11 ประชาชนช่วยกันใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ไม่ลุกลาม
19.19 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ชุมชนบ้านพักรถไฟ กม.11 ซอยวิภาวดีรังสิต 11 แยก 7 ถนนวิภาวดี แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในบ้าน เพลิงลุกไหม้เสียหาย เครื่องฉายภาพหรือแสง ( เครื่องโปรเจคเตอร์ ) ลุกลามพัดลมตั้งพื้น กองหนังสือ และกองเสื้อผ้า พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 3 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่เครื่องฉายภาพหรือแสง ( เครื่องโปรเจคเตอร์ ) ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยพหลโยธิน
>> กทม. ประกาศสิ้นสุดสาธารณภัยจากแผ่นดินไหว ยกเว้นพื้นที่ก่อสร้างสำนักงาน สตง.แห่งใหม่
20.17 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร ออกประกาศยุติสถานะ ‘สาธารณภัย’ เนื่องจากภัยจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ได้สิ้นสุดลงแล้ว ณ วันที่ 3 เมษายน ยกเว้นเฉพาะบริเวณพื้นที่ก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ย่านถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่อาจยังติดอยู่ภายในอาคารที่ทรุดตัว โดยมอบหมายให้ผู้อำนวยการเขตจตุจักรเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
>> ทีมกู้ภัย พบโพรงขนาดใหญ่ ในโซนดีตึก สตง. ถล่ม เร่งค้นหาผู้รอดชีวิต
21.00 น. นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า การช่วยเหลือผู้ติดค้างภายในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างและพังถล่มลงมา ตอนนี้เน้นไปที่โซนบี และโซนซี ที่พบจุดต้องสงสัยและคาดว่ามีผู้ติดค้างอยู่ภายในสร้างอาคาร
โดยโซนบี เป็นบริเวณใกล้ช่องบันไดหนีไฟ ที่พบสัญญาณต้องสงสัยว่า จะมีผู้ติดค้างร้องขอความช่วยเหลืออยู่ใต้ซากลึกลงไปประมาณ 3 เมตร ขณะนี้ดำเนินการไปได้ 2 เมตรกว่า จากการสแกนน่าจะใกล้ถึงตัวผู้ติดตามที่อยู่ด้านใน ส่วนการตอบรับจากผู้ที่ติดค้างอยู่ ปัจจุบันไม่ได้รับการตอบรับเหมือนเมื่อคืน และช่วงเมื่อเช้าที่ผ่านมา
ส่วนโซนซี อยู่ใกล้เคียงโซนดี เป็นบริเวณช่องลิฟต์และเป็นส่วนที่แข็งแรงสุดของโครงสร้างที่ผ่านถล่มลงมา คาดว่ามีผู้ติดอยู่ภายใน และเป็นจุดที่สุนัข K9 มีปฏิกิริยาต้องสงสัยว่าพบผู้ติดค้าง ตลอดทั้งวันได้ระดมกำลังค้นหา สุนัข k9 และเจ้าหน้าที่นานาชาติเข้าไปค้นหา ปัจจุบันได้เจาะและเคลื่อนย้าย ซากอาคารและขุดเจาะเข้าไปถึงผนังช่องลิฟต์แล้ว และกำลังจะดำเนินการเจาะผนังช่องลิฟต์เข้าไปถึงโพรงด้านใน ที่ยังคงมีความหวังอยู่ว่าจะพบผู้ติดค้างอยู่บริเวณนี้ ส่วนปัญหาและอุปสรรค คือพื้นคอนกรีตที่กดทับลงมาหลายชั้น มีความหนา ยากที่จะขุดเจาะช่องให้คนเข้าไปได้ ซึ่งต้องกว้างพอสมควร
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
22.58 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.4 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 319 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงใหม่
01.02 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.7 ลึก 1 กม. ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
>> คนร้ายชายเดี่ยว ใช้อาวุธมีดข่มขู่ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ภายในซอยรามคำแหง 21 ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี
02.28 น. ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ตำรวจ191 แจ้งเหตุ คนร้ายชาย 1 คน สวมหมวกนิรภัย เสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีดำ ใช้อาวุธมีด ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวก ภายในซอยรามคำแหง 21
หลังก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ ไม่ทราบสีและทะเบียน หลบหนีมุ่งหน้าออกไปทางปากซอย พื้นที่ สน.วังทองหลาง
นส.เอ (นามสมมุติ) พนักงานร้าน ให้ข้อมูลว่า ร้านที่เกิดเหตุอยู่กลางซอยรามคำแหง 21 โดยขณะที่ตนเองกำลังเติมสินค้าภายในร้าน ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน การแต่งกายสวมเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีดำ ใส่หมวกนิรภัยสีดำ ใส่หน้ากากอนามัยสีดำปิดบังใบหน้า
คนร้ายเดินเข้ามีในร้านพร้อมชักอาวุธมีดข่มขู่ ให้พนักงานเดินไปเปิดเครื่องเก็บเงินที่เคาท์เตอร์ บังคับให้หยิบเงิน ได้เงินไปประมาณ 1,000 กว่าบาท หลังเกิดเหตุคนร้ายวิ่งไปที่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ที่จอดไว้ข้างร้าน แล้วขับขี่หลบหนีมุ่งหน้าออกปากซอยรามคำแหง 21
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ