วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 05:39 น.
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
>> ดวลเดือดกลางปั๊มน้ำมัน สุราษฎร์ธานี คนขับรถบรรทุกน้ำมันคว้าปืนยิงใส่กัน เจ็บสาหัส
07.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในปั๊มน้ำมันเก่า ที่เป็นสถานที่จอดรถบรรทุกน้ำมัน ตั้งอยู่ถนนเลี่ยงเมือง อยู่ใกล้สี่แยกบางใหญ่ เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
หลังรับแจ้งจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บ ชายอายุ 55 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หน้าท้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในอาการไม่รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีเพื่อช่วยชีวิต ในจุดเกิดเหตุพบค้อน 1 ด้าม
จากสอบถามพนักงานเติมน้ำมันบอกว่า ช่วงเกิดเหตุตนกำลังเติมน้ำมันอยู่ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตนวิ่งมาดูพบผู้ถูกยิงจึงแจ้งตำรวจ
จากการสอบสวนของตำรวจ ทราบว่า ผู้ลงมือก่อเหตุเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี เป็นคนขับรถบรรทุกน้ำมันอีกคัน หลังก่อเหตุได้ขับรถหลบหนีไป จากการตรวจสอบใบจ่ายงานระบุว่าวันนี้จะนำน้ำมันไปส่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่สกัดจับกุมและคาดว่าจะได้ตัวในวันนี้
>> พ่อลงงมร่างลูกๆ 2 พี่น้องในบ่อน้ำ คาดพี่ชายเป็นออทิสติกพลัดตก น้องสาวกระโดดช่วย สุดท้ายจมทั้งคู่
07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรน้อย รับแจ้งเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิต 2 ราย ภายในบ่อน้ำข้างทุ่งนา ซอยเคหะบ้านใหม่ ตำบลหนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
ที่เกิดเหตุพบเป็นบ่อน้ำขนาดกว้างประมาณ 4 เมตร ยาว 5 เมตร ลึก 4-5 เมตร ซึ่งอยู่ระหว่างการถมดินก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง โดยห่างจากปากซอยประมาณ 600 เมตร บริเวณริมบ่อพบรองเท้าแตะสีชมพู 1 คู่ และรองเท้าแตะสีดำอีก 1 คู่ วางอยู่บนกองดิน ใกล้กันพบนายณรงค์ อายุ 40 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต กำลังจุดธูปนำขนมและนมที่ลูกชอบวางเคียงข้างร่างไร้วิญญาณของลูกทั้ง 2 คน ด้วยความโศกเศร้า ผู้เสียชีวิตเป็น เด็กชาย อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นออทิสติก และ เด็กหญิง อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จากการตรวจสอบทั้ง 2 คน ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย
นายณรงค์ พ่อของเด็กทั้ง 2 คน เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง โดยเมื่อวานก่อนออกไปทำงานยังพูดคุยกับลูกชายและลูกสาวตามปกติ ก่อนออกจากบ้าน กระทั่งกลับมาตอน 17.00 น. แต่ไม่พบลูกทั้ง 2 คน จึงสอบถามคุณยายที่ดูแลเด็กๆ ทราบว่าทั้งคู่เดินออกจากบ้านไปตั้งแต่ 15.00 น. หลังรู้ข่าว ตนพร้อมญาติและเพื่อนบ้านช่วยกันออกตามหาทั่วซอย รวมถึงบ้านเพื่อนที่ลูกมักไปเล่น แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ
กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 07.00 น. มีคนโทรศัพท์มาบอกว่า เคนได้ยินเสียงเด็กเล่นอยู่บริเวณบ่อน้ำข้างทุ่งนาเมื่อวาน ตนจึงรีบขับขี่รถจยย.ไปดู เมื่อเห็นบ่อน้ำก็รีบกระโดดลงไปค้นหาเอง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงพบร่างลูกสาวก่อนนำขึ้นมาบนฝั่ง ส่วนร่างลูกชายจมหายไปลึก ตนพยายามค้นหาแต่ไม่ไหว เพราะบ่อน้ำลึกกว่า 4-5 เมตร จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำทีมประดาน้ำลงค้นหา และพบร่างลูกชายในเวลาต่อมา
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า ปกติลูกชายและลูกสาว ชอบวิ่งเล่นในซอย แต่ไม่เคยลงเล่นน้ำ เนื่องจากทั้งคู่ว่ายน้ำไม่เป็น คาดว่าลูกชายที่เป็นออทิสติกอาจเล่นซนจนเสียหลักตกลงไปก่อน น้องสาวเห็นเข้าจึงพยายามลงไปช่วย แต่กลับจมน้ำทั้งคู่ ตนเหลือลูกแค่ 2 คน คนเล็กยังเรียนอยู่ ส่วนคนโตไม่ได้เรียน แต่ทั้งคู่เป็นเด็กสดใส ร่าเริง ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจ และขอให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะส่งร่างไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาตร์ ก่อนส่งมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
>> หนุ่มวัย 20 ปีขี่รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ หัวฟาดเสาไฟเกาะกลาง เสียชีวิตในเวลาต่อมา
09.17น. ศูนย์วิทยุมูลนิธิกู้ภัยอำเภอปลวกแดงจังหวัดระยอง รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำชนเสาไฟ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนเส้นทางโรงกระทะ ในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง - ขาว ป้ายทะเบียน ชลบุรี ล้มคว่ำพังเสียหาย ใกล้กันที่เสาไฟส่องสว่างเกาะกลาง พบร่องรอยการเสียหายและมีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ ตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่รถได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ทางอาสากู้ภัยเร่งช่วยเหลือ และประสานทางหน่วยกู้ชีพ รพ.ปลวกแดง มาร่วมดำเนินการ และได้ยืนยันว่า เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 20 ปี พื้นที่ สภ.ปลวกแดง
>> ก.มหาดไทย มีคำสั่ง 'ห้ามออกใบอนุญาตพกปืนชั่วคราว 1 ปี' เริ่ม 14 ก.พ.68
11.22 น. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 68 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 เรื่อง ห้ามการออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) เป็นการชั่วคราว มีสาระสำคัญเป็นการห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนเป็นเวลา 1 ปี นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
"นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ได้ลงนามในคำสั่งครบถ้วน และคำสั่งได้รับการเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาในวันนี้ (13ก.พ. 68) จากนั้นจะมีผลใช้บังคับเป็นเวลา 1 ปี นับแต่วันถัดจากวันประกาศ (14 ก.พ. 68) เป็นต้นไป" น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การออกคำสั่งห้ามออกใบอนุญาต แบบ ป.12 สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ปัญหาการใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่มีกลุ่มบุคคลจำนวนมากลักลอบพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็น รวมทั้งมีพฤติกรรมแสดงอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันสมควรทั้งต่อสาธารณะและสื่อออนไลน์ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชน
นอกจากนี้ หลายกรณีที่การพกปืนโดยไม่มีเหตุอันสมควร ได้เป็นต้นเหตุของการกระทำความผิดทางอาญา ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายทรัพย์สิน และจิตใจ อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมจึงมีความจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยสาธารณะ โดยการควบคุมไม่ให้อนุญาตให้มีการพกพาปืนเพื่อลดโอกาสการเกิดความรุนแรง หรืออาชญากรรมต่างๆ ต่อไป
>> CIB ตรวจยึดบุหรี่เถื่อน จำนวน 195,000 มวน มูลค่าปรับทางภาษีกว่า 8 ล้านบาท
13.01 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปคบ. พร้อมตรวจยึดของกลาง บุหรี่ต่างประเทศที่มิได้เสียภาษี รวมกว่า 9,750 ซอง ( 195,000 มวน) มูลค่าค่าปรับทางภาษี 8,400,000 บาท โดยตรวจยึดได้ ริมถนน ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ร่วมกันเจ้าหน้าที่สายตรวจสรรพสามิตพื้นที่ สายที่ 4 จังหวัดจันทบุรี ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีการลักลอบนำสินค้าเข้ามาโดยผิดกฎหมายซุกซ่อนไว้ริมถนน ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าตำรวจเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบบุหรี่ต่างประเทศ จำนวน 39 กล่อง จึงได้ร่วมทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว ส่งสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่จันทบุรี สาขาโป่งน้ำร้อน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ดำเนินการขยายผลหาตัวเจ้าของ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 ต่อไป
>> อัจฉริยะนำ ปอศ. บุกจับสินค้าเถื่อน นายทุนชาวจีนย่านบางขุนเทียน
13.38 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรมศุลกากร และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันนําหมายศาลอาญาธนบุรีเข้าตรวจค้นภายในโกดังแห่งหนึ่งพื้นที่ ถ.กาญจนาภิเษก แขวงแสมดํา เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนเองได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการสั่งซื้อสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์สบู่และครีมอาบนํ้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อนําไปใช้ก่อให้เกิดอาการแพ้คัน ตนจึงประสานตํารวจ ปอศ. ศุลกากร และ อย. ร่วมในการตรวจค้นครั้งนี้ เบื้องต้นจากการเข้าตรวจค้นพบสบู่และครีมอาบนํ้าจํานวนมากเก็บอยู่ภายในโกดัง รวมทั้งยังมีสินค้าประเภทอื่นๆที่ลักลอบนําเข้าแบบผิดกฎหมายเนื่องจากไม่มี อย. และฉลากภาษาไทย นอกจากนี้ยังพบแรงงานต่างด้าวประมาณ 4 - 5 คน เบื้องต้นตํารวจตรวจสอบพบบางส่วนมีใบอนุญาตแต่บางส่วนมีเพียงหรือหนังสือเดินทางเท่านั้น
ในส่วนของเจ้าของสินค้าเป็นนายทุนชาวจีน ทราบชื่อแล้ว ขณะนี้อยู่ที่ประเทศจีน ได้มาเช่าโกดังแห่งนี้เพื่อกักเก็บสินค้า โดยในช่วงบ่ายตํารวจจะนําหมายศาลเข้าตรวจค้นอีก 1 จุด คือบ้านพักที่ใช้ในการเก็บสินค้าอีกจํานวนหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้ตํารวจจะรวบรวมหลักหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับพร้อมติดตามตัวมาดําเนินคดี
สําหรับของกลางทั้งหมดเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการตรวจยึดเพื่อนําไปตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอน ซึ่งนายอัจฉริยะ ระบุว่าของกลางทั้งหมดมีมูลค่าไม่ตํ่ากว่า 50 ล้านบาท
>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์กลางถนน มีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง 1 ราย
13.46 น. รับแจ้งจาก สมาคมกู้ภัยบางแก้วสุโขทัยจุดสวรรคโลก มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนเส้นทางใกล้เคียงคลองน้ำเต้า ก่อนถึงสี่แยกไฟแดง ต.ในเมือง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน สุโขทัย ล้มคว่ำสภาพรถพังเสียหาย ห่างออกไปพบรถกระบะ นิสสัน สีดำ สภาพหน้ารถพังเสียหาย ตรวจสอบพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิไทย มีบาดแผลฉีกขาดที่หน้าผากขนาดใหญ่ ขาทั้ง 2 ข้างผิดรูป ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวรรคโลก
>> "บิ๊กเต่า" เผยกรณีสั่งสอบ ”ผู้การต๊ะ“ เอี่ยวเมียวดี คอมเพล็กซ์ คาด 1 เดือน ชัดเจน
14.00 น. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยกรณีที่ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 63/2568 ให้ พลตำรวจตรี เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ หรือ ผู้การต๊ะ ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 6 มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ภายหลังตกเป็นประเด็นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับธุรกิจ “เมียวดีคอมเพล็กซ์” สถานบันเทิงและบ่อนกาสิโน ฝั่งเมียนมา
โดยขณะนี้ ได้มีการตั้งชุดคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนภายใน 1 เดือน ซึ่งคณะทำงานนี้ จะเน้นด้านการสอบสวนพฤติกรรมก่อน ว่าเกี่ยวข้องกับเมียวดีคอมเพล็กซ์ หรือไม่ และเกี่ยวข้องในด้านใด
ซึ่งในชุดทำงานจะประกอบด้วย ปปป. ,ปอท. ,ปอศ. ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน เบื้องต้น ยังไม่ได้มีการวางประเด็นว่าจะเอาผิดทางวินัยหรืออาญา หรือ จริยธรรม เพียงแต่ต้องการความชัดเจนว่า นายตำรวจคนดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องจริงหรือไม่และเกี่ยวข้องอย่างไร
>> ไฟไหม้โรงรับซื้อของเก่า โชคดี ควบคุมเพลิงไว้ได้ทันก่อนจะลุกลาม จ.ชลบุรี
14.00 น. ศูนย์วิทยุเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เทศบาลเมืองหนองปรือ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ภายในโรงรับซื้อของเก่า ย่านซอยทุ่งกลม ตาลหมัน 17 หมู่ 8 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา พร้อมรถดับเพลิง จำนวน 5 คัน รีบไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นโรงรับซื้อของเก่า บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ บริเวณ โกดังเก็บลังกระดาษ พบเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงระดมใช้รถน้ำฉีดสกัด ให้เพลิงอยู่ในวงจำกัด ใช้ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ หลังควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบว่า ภายในบริเวณโกดังดังกล่าวได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด
สอบถาม นายพงศกร อายุ 30 ปี ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พนักงานได้นำรถโฟล์คลิฟท์ ยกลังกระดาษขึ้น แต่รถเกิดการล้อฟรี และลังกระดาษเกิดการเสียดสีกัน จนเกิดเป็นประกายไฟจนลุกลามอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมา มาช่วยดับไฟ เบื้องต้น คาดว่าความเสียหาย อยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนบาท
>> กวาดล้างครูต่างชาติ ใช้วีซ่าท่องเที่ยว รับจ๊อบสอนในไทย เตือนโทษหนัก ส่งกลับประเทศ
15.26 น. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ออกกวาดล้างการทำงานของแรงงานข้ามชาติ ภายใต้ปฏิบัติการ "เจอ จับ ปรับ ผลักดัน" เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อโอกาสการมีงานทำของคนไทย ซึ่งหลายอาชีพถูกควบคุมเป็นอาชีพสงวนของคนไทย และส่งผลต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
สำหรับนายจ้างที่ประสงค์จะจ้างงานคนต่างชาติทำงานในตำแหน่งครูผู้สอนในสถานศึกษา ต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ไม่ใช่เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางผ่าน หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบครูชาวต่างชาติทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ในโรงเรียนหรือสถานศึกษา จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศ
นอกจากนี้ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาฝ่าฝืนกฎหมาย ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหารับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ ดังนี้ 1. มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน 2. หากกระทำผิดซ้ำ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี
>> จ่อเชิญ "ดีเจแมน-ใบเตย" ให้ข้อมูลกรณีถูกดารารีดเงิน 14 ล้าน แลกช่วยคดี
15.40 น. จากกรณีที่นายพัฒนพล กุญชร หรือ ดีเจแมน ออกมาเปิดเผยในรายการชื่อดัง ถึงเรื่องราวในชีวิต ระหว่างถูกดำเนินคดี Forex 3D ว่าถูกนักแสดงคนหนึ่ง มีการเรียกเงินค่าช่วยเหลือ คดี Forex 3D จำนวน 7 ล้านบาท และน.ส.สุธีวัน กุญชรหรือ ใบเตยอีก 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดวันนี้ ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนพึ่งทราบเรื่อง แต่เมื่อมีการเปิดเผยเรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องดี จากนี้จะพิจารณาเชิญนายพัฒนพล และ น.ส.สุธีวัน เข้าให้ปากคำ เพื่อทำให้สำนวนคดีก่อนหน้านี้มีความชัดเจนและแน่นหนามากขึ้น
จากพฤติการณ์ พบว่า เป็นแผนประทุษกรรมแบบเดิมในลักษณะพยายามฉ้อโกง เนื่องจากความผิดยังไม่สำเร็จ ดังนั้นหากพบผู้เสียหายเพิ่ม พนักงานสอบสวนก็จะนำพฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้ศาลเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนเป็นปกติธุระ
อย่างไรก็ตาม สำหรับขบวนการพยายามฉ้อโกง ในกรณีของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พนักงานสอบสวนสามารถขยายผลได้อีก 2 คดีคือ คดีกรรโชกทรัพย์บริษัทขายปุ๋ย เป็นจำนวนเงินกว่า 2 ล้านบาท และกรรโชกทรัพย์บริษัท เคโฟร์ อีกกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งตนได้ประสานให้ผู้เสียหายทั้งสองมาแจ้งความแล้ว ส่วนที่เหลือนายสามารถยังมีอีกหลายคดี แต่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะแจ้งความ
>> รุ่นน้องมโน หาว่าแจ้ง ตร.มาจับ ชักมีดแทงรุ่นพี่เจ็บ แล้วเดินออกมาบอกชาวบ้านช่วยแจ้งกู้ภัยฯ ก่อนจะหลบหนีไป
16.46 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รับแจ้งเหตุ ทำร้ายร่างกาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าประตูบ้านพบคราบเลือดหยดไหลเป็นทาง โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อภายหลังคือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่แขนซ้าย เป็นแผลฉกรรจ์ เสียเลือดมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงให้การช่วยเหลือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ส่วนผู้ก่อเหตุ ได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึงแล้ว
สอบถาม นายเอ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้ข้อมูลว่า ตัวเองรู้จักกับผู้ก่อเหตุเพราะเป็นเพื่อนรุ่นน้อง ซึ่งในวันนี้คาดว่า ผู้ก่อเหตุจะเมายาเสพติด แล้วคิดมโนไปเองว่าตนเอง แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับ จึงเกิดความไม่พอใจ มาทำร้ายร่างกายถึงที่บ้านดังกล่าว
เบื้องต้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน เป็นจังหวะที่ผู้ก่อเหตุเดินหนีออกมา แล้วขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ โดยบอกว่า ตนเองเป็นคนก่อฟันรุ่นพี่ที่รู้จักกันได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ ได้วิทยุสกัดจับคนร้าย แต่ก็ยังไร้วี่แวว จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแส เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
>> ตำรวจเร่งไขปมฆ่ายกครัว 3 ศพ ในรถกระบะจอดทิ้งไว้บ้านร้างที่ จ.กำแพงเพชร
17.00 น. จากกรณีพบผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นพ่อแม่ลูก อยู่ในรถกระบะ จอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนนพหลโยธิน ในพื้นที่ หมู่ 10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.คลองขลุง และตำรวจชุดสืบสวน ได้ประชุมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังบริเวณทุ่งนา หมู่ 8 บ้านร้อยไร่ ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นจุดที่มีชาวบ้านอ้างว่าได้ยินคนคุยกันเหมือนทะเลาะกันเสียงดัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดัง ในช่วงเวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม ของวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา วันเดียวกันกับที่ทั้ง 3 คนหายไป
โดย พล.ต.ต.โอภาส กล่าวว่า หลังจากที่พบศพทั้ง 3 ราย คาดว่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพราง และเอามาซุกซ่อนไว้ที่นี่ ส่วนรายละเอียดของการสืบสวน กำลังดำเนินการในการหาเบาะแส สภาพศพเบื้องต้นเด็กชายอายุ 7 ปี ถูกของแข็งตีที่บริเวณท้ายทอยด้านหลัง ส่วนศพผู้หญิงถูกยิงเข้าที่บริเวณขมับจากด้านซ้ายทะลุไปด้านขวา ส่วนสภาพศพของผู้ชาย สภาพเละเน่าเปื่อยยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าถูกอาวุธชนิดใด ซึ่งจะต้องส่งไปให้ทางนิติวิทยาตรวจสอบอีกทีอย่างละเอียด โดยเฉพาะรถกระบะบริเวณกระจกหน้าด้านซ้ายถูกกระสุนยิงเข้ามาจากด้านนอกเข้ามาในตัวรถลักษณะกดต่ำ
เบื้องต้น ตั้งประเด็นไว้ 3 ประเด็น เรื่องของการปล่อยเงินกู้ เรื่องยาเสพติด และเรื่องชู้สาว แต่ก็เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน ซึ่งก่อนที่จะมาพบ 3 ศพในวันนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา ญาติได้มาแจ้งความว่ามีบุคคลสูญหาย จึงได้สืบสวนมาโดยตลอดจนกระทั่งมาพบศพ ส่วนเรื่องข้อมูลการโทรเข้าออกของผู้ตาย ก็ได้ประสานขอข้อมูลเบื้องต้นจากเครือข่ายมือถือแล้ว
>> ผู้ว่าการรถไฟฯ สั่งเพิ่มความเข้มงวดตรวจตราความปลอดภัยบนขบวนรถ หลังพบชายก่อเหตุลักทรัพย์
18.34 น. นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงการได้รับรายงานเกี่ยวกับกรณีมีการแชร์คลิปเตือนภัยในโลกออนไลน์ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นบนขบวนรถเร็วที่ 141 กรุงเทพอภิวัฒน์ – อุบลราชธานี พบชายคนหนึ่งแฝงตัวเป็นผู้โดยสารขึ้นมาลักทรัพย์บนขบวนรถไฟว่า เมื่อได้รับรายงานกรณีดังกล่าว จึงสั่งการไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา รวมทั้งให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามจุดต่าง ๆ บนขบวนรถ พร้อมกับเน้นย้ำให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทาง เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการมั่นใจในความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม จากนี้จะต้องพิจารณาหาวิธีการหรือเครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยเสริม เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความเชื่อมั่นและเกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับมาตรการการดูแลความปลอดภัยของการรถไฟฯ ในปัจจุบันนั้น มีเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางคอยสุ่มตรวจความเรียบร้อยบนขบวนรถไฟทุกระยะ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ตามสถานีและบนขบวนรถ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเหตุอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนที่เดินทาง ให้ตรวจสอบและระมัดระวังทรัพย์สินของตนเองอีกทางหนึ่ง
“กรณีที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้นำตัวบุคคลดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินทร์ชำราบ จ.อุบลราชธานี ดำเนินคดีแล้ว แต่ผู้เสียหายไม่ได้ติดใจเอาความ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาเสพสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น ประพฤติตนวุ่นวายในที่สาธารณะ อันเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลอื่นแทน นอกจากนี้ ผมขอชื่นชม และขอขอบคุณผู้โดยสารที่บันทึกภาพไว้ได้ เพราะถือเป็นการช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลให้เกิดความปลอดภัยในขบวนรถอีกทางหนึ่งด้วย”
>> รวบหนุ่มญี่ปุ่นหลอกเด็กมัธยมร่วมชาติไปทำงานแก๊งคอลฯ ที่ เมืองเมียวดี
20.00 น. จากกรณีเยาวชนชาวญี่ปุ่นถูกหลอกให้ไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้มีการประสานงานกับทางการญี่ปุ่น จนสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายกลับประเทศญี่ปุ่นได้แล้วนั้น
ล่าสุด พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการ สตม. และกลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เปิดเผยว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่นหลอกลวงเหยื่อเด็กมัธยมสัญชาติเดียวกันข้ามฝั่ง ไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้แล้ว
โดย พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ตนเองสั่งการให้ สตม. โดย บก.สส.สตม. สืบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ คือ ผู้ชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงได้ทำหนังสือเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร และได้ตรวจสอบข้อมูลของ นายทอม พบว่า เป็นผู้มีหมายจับจากทางการญี่ปุ่นในข้อหา "ลักพาตัวโดยใช้กำลังเพื่อแสวงหากำไร, การกักขังที่ผิดกฎหมาย, การบุกรุกเข้าไปในที่พักอาศัย ทำร้ายบุคคลในที่เกิดเหตุ และปล้นทรัพย์" ต่อมาทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยจากประเทศเมียนมา มาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จึงได้เข้าตรวจสอบ พร้อมแจ้งการเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร (ตม.83) ให้ผู้ต้องหาทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เตรียมผลักดันส่งกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป
>> เหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ ซอยอิสรภาพ 29 ลุกลามคูหาข้างเคียงเสียหายวอด
20.36 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ เลขที่ 603/15 ซอยอิสรภาพ 29 ถนนอิสรภาพ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นใช้เป็นที่พักอาศัย เป็นอาคารอยู่ระหว่างการปรับปรุง ทั้ง 3 คูหาที่เสียหาย ต้นเพลิงเกิดขึ้น คูหาเลขที่ 603/15 เพลิงลุกไหม้เสียหายชั้นที่ 2 ลุกลามคูหาเลขที่ 603/14 เสียหายชั้นที่ 3 และอาคารเลขที่ 603/13 เสียหายบริเวณหลังคา พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 40 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยธนบุรี
>> ไฟฟ้าลัดวงจร แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ภายในโรงเพาะพันธุ์กัญชาเสียหาย โชคดีไร้บาดเจ็บ ควันตลบยิ้มกันทั้งซอย
22.06 น. ศูนย์วิทยุหนึ่งบรรเทาสาธารณะภัยทางบก รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนเหตุเกิดที่อาคารพาณิชย์ ภายในซอยเวลคัมจอมเทียน ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัยเขตจอมเทียน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยฯรีบนำกำลังไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ตั้งเป็นสถานที่เพาะปลูกกัญชา พบต้นเพลิงอยู่ที่ชั้น 2 ที่เป็นห้องเพาะพันธุ์ เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำดับเพลิง เข้าฉีดสกัดเพื่อไม่ให้ลุกลามไปเป็นวงกว้าง แต่ก็เข้าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบาก เนื่องจากกลุ่มควันจากพืชกัญ/ชๅที่ถูกความร้อน ส่งผลให้มีกลุ่มควันหนาแน่นพวยพุ่ง ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วทั้งซอย โดยใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ เหลือเพียงกลุ่มควัน และกลิ่นจากการเผาไหม้พืช ที่ยังโชยออกมาจากตัวอาคารอยู่ตลอดเวลา
สอบถาม ผู้ดูแลให้ข้อมูลว่า สถานที่แห่งนี้ ขออนุญาตในการเพาะปลูกพืชสมุนไพรกัญชา คาดว่า สาเหตุเกิดจากแผงไฟ ที่จะต้องเปิดให้กับต้นกัญชาเกิดช็อตแล้วลุกลาม ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท โชคดีที่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
นอกจากนี้ข่าวยังรายงานอีกว่าจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากควันและกลิ่นของพืชสมุนไพร ได้ฟุ้งกระจายไปตามอากาศ ทำให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปเกิดอาการมึนเมา บางราย มีอาการปวดหัว บางรายตาเยิ้ม ยืนหัวเราะแบบไม่มีเหตุผล
>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยลาดพร้าว 136
23.12 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยลาดพร้าว 136 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 1 ภายในห้องรับแขก เพลิงลุกไหม้เสียหายพัดลมและตู้โชว์ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 3 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรที่พัดลมตั้งโต๊ะ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมาก
15 ธันวาคม 2568
สิ้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 78 ปี
15 ธันวาคม 2568
15 ธันวาคม 2568
สิ้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 78 ปี
15 ธันวาคม 2568