วันที่ 26 ธันวาคม 2567 เวลา 12:21 น.
26 ธันวาคม 2567 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยครั้งแรกเข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต ว่า กรมสรรพสามิต กำหนดแผนเดินหน้านโยบายด้าน ESG ในปี 2568 มุ่งดูแลความยั่งยืน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย หลังได้นำร่องจัดเก็บภาษีความหวานกับสินค้าเครื่องดื่มเพื่อดูแลสุขภาพ ลดปัญหาโรคเบาหวาน จึงเตรียมผลักดันภาษีความเค็ม พิจารณาจากปริมาณโซเดียม ในสินค้า เนื่องจากคนไทยบริโภคโซเดียมเกินมาตรฐานสากลถึง 2 เท่า จึงต้องการผลักดัน "ภาษีความเค็ม" ให้เกิดเป็นรูปธรรมในปี 2568 เช่นเดียวกันกับภาษีความหวาน ได้ดำเนินการไปแล้ว
“กรมสรรพสามิต พร้อมให้ระยะเวลา ผู้ประกอบการปรับตัว จึงต้องจัดให้จัดเก็บแบบขั้นบันได ขณะที่ ร้านส้มตำปล้า ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านค้าแผงลอบ ใส่เครื่องปรุงในอาหาร ยังไม่ได้จัดเก็บภาษีกับพ่อค้า แม่ค้ารายย่อยทั่วไป จุดประสงค์ ต้องการให้สังคม เริ่มดูแลสุขภาพ ลดการบริโภคความเค็มให้น้อยลง โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยว สินค้าที่มีความเค็มสูง”
“โดยอัตราภาษีจะมีลักษณะคล้ายกับภาษีความหวานที่มีการจัดเก็บเป็นขั้นบันได ให้มีการทยอยปรับอัตราอย่างค่อยเป็นค่อยไปให้ผู้ประกอบการมีระยะเวลาปรับตัว ทั้งนี้ การเก็บภาษีความหวาน 7-8 ปีที่ผ่านมา พบว่าส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคความหวานที่ลดลง รวมทั้งผู้ผลิตที่ลดปริมาณน้ำตาลลงด้วย”
“อัตราภาษีโซเดียมจะขึ้นอยู่กับปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์ หากใช้โซเดียมปริมาณมากก็จะต้องเสียภาษีมาก โดยจะกำหนดปริมาณเท่าไหร่นั้นยังอยู่ระหว่างการศึกษา โดยจะคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก”
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ