กรมทางหลวงชนบท ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว พร้อมรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต สร้างถนนสายส่วนต่อขยายถนนเฉลิมพระเกียรติ  จ.นครศรีธรรมราช กว่า 10 กิโลเมตร คาดแล้วเสร็จปี 2570

นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสายส่วนต่อขยายถนนเฉลิมพระเกียรติ ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคต แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในตัวเมือง เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งรอบตัวเมือง และช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 ต่อไป

อธิบดีฯ ให้รายละเอียดว่า โครงการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 มีระยะทาง 5.500 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นโครงการ กม.ที่ 0+000 เชื่อมต่อกับ ทล.408 (กม.ที่ 7+000 – 7+600) และจุดสิ้นสุดโครงการ เชื่อมต่อกับถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.4039 ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างเป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ขนาด 4 – 6 ช่องจราจร มีเกาะกลางถนน พร้อมก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 แห่ง มีระบบระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง การติดตั้งเครื่องหมายจราจร สิ่งอำนวยความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

ตอนที่ 2 มีระยะทาง 5.280 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นโครงการ กม.ที่ 5+500 เชื่อมต่อจากถนนสาย

ส่วนต่อขยายถนนเฉลิมพระเกียรติ ตอนที่ 1 จุดตัดถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.4039 และมีจุดสิ้นสุดโครงการฯ (กม.ที่ 10+780) เชื่อมต่อกับ ทล.4013 (ตอน อ.เมืองนครศรีธรรมราช - อ.ปากพนัง) และเชื่อมต่อกับถนนเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างเป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ขนาด 4 ช่องจราจร มีเกาะกลางถนน พร้อมก่อสร้างสะพานข้ามคลอง 2 แห่ง สะพานข้ามทางแยก 1 แห่ง มีระบบระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง การติดตั้งเครื่องหมายจราจร สิ่งอำนวยความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

นอกจากนี้ ก่อนดำเนินการก่อสร้าง ทช. ได้จัดประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน และลงนามบันทึกความร่วมมือ 3 ฝ่าย (MOU) ระหว่าง ทช. ผู้รับจ้าง และผู้แทนประชาชน โดยมีการนำเสนอความเป็นมา ลักษณะของโครงการ ขั้นตอนการดำเนินงาน และรายงานผลการดำเนินงาน พร้อมทั้งได้มีการตอบข้อซักถาม

รับฟังข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นจากผู้นำชุมชน ประชาชน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้งานสอดคล้องกับความต้องการ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด