วันที่ 5 ธันวาคม 2567 เวลา 02:45 น.
นายกฯ เป็นประธานพิธีรับ “พระเขี้ยวแก้ว” จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ปี 2568
วันที่ 4 ธันวาคม 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (4 ธันวาคม 2567) เวลา 17.35 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีรับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ปี 2568 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม คณะสงฆ์ฝ่ายไทยและฝ่ายจีน และคณะผู้แทนฝ่ายจีน คณะกรรมการและแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธี
นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้แทนฝ่ายจีนและฝ่ายไทยเดินตามริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป จากนั้น นายกรัฐมนตรี ร่วมถ่ายภาพหมู่กับประธานสงฆ์ฝ่ายไทยและฝ่ายจีน
โอกาสนี้ คณะสงฆ์ฝ่ายจีนเจริญพระพุทธมนต์ หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายจีน กล่าวมอบพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
นายกรัฐมนตรี ประธานในพิธี กล่าวรับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ว่า ในนามประธานกรรมการอำนวยการการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเป็น ประธานในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐาน ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เนื่องในวาระสำคัญ 2 วาระ คือ การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี 2568
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีฉันทามติร่วมกันในการจัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 73 วัน ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นการสานสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนให้แนบแน่นยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวจีนในประเทศไทยได้กราบสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลยิ่งแก่ชีวิต
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในปี พ.ศ. 2545 เป็นครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้อนุญาตให้รัฐบาลไทยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 75 พรรษา 5 ธันวาคม 2545 การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้อนุญาตให้รัฐบาลไทยอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมีค่ายิ่งของประเทศมาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรีอันแนบแน่นระหว่างไทยกับจีน ดังคำกล่าวที่ว่า “ไทยจีนใช่อื่นไกลพี่น้องกัน”
“ในนามรัฐบาลและปวงชนชาวไทย มีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณรัฐบาล สาธารณรัฐประชาชนจีน มา ณ โอกาสนี้ การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยในครั้งนี้ นับเป็นวาระแห่งมิตรภาพระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จะส่งเสริมให้ความสัมพันธ์มีความแน่นแฟ้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป”นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น ได้เข้าสู่พิธีทางศาสนา นายกรัฐมนตรี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และถวายดอกไม้ธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ฝ่ายไทยให้ศีล พระสงฆ์ฝ่ายไทย 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีถวายไทยธรรม รับพร กราบลาพระรัตนตรัย และทำความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีรับเสด็จ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อถวายพวงมาลัยสักการะ และส่งเสด็จ เป็นอันเสร็จพิธี
ทั้งนี้ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้จัดให้มีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จำนวน 5 โซนประกอบด้วย โซนที่ 1 “ดับขันธปรินิพพาน มกุฎพันธนเจดียสถาน” โซนที่ 2 “พุทธะบารมีพระสรีระธาตุ” โซนที่ 3 “พระเขี้ยวแก้ว” โซนที่ 4 “ใต้ร่มเศวตฉัตร ทศมรัช พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” และโซนที่ 5 “ความสัมพันธ์ ไทย-จีน”
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมสักการะ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. และจะอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568
5 ธันวาคม 2567
5 ธันวาคม 2567
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ