หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 เวลา 05:41 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567


>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยาน กลางถนนลาดปลาเค้า ผู้บาดเจ็บอาการสาหัส อาสากู้ชีพ - กู้ภัยทำ CPR แต่ไม่เป็นผล

06.12 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยาน และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ถนนลาดปลาเค้า ใกล้เคียงซอยลาดปลาเค้า 28 ในพื้นที่ เขตลาดพร้าว กทม.

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ชนกับรถจักรยาน สีขาว ใกล้กันพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้ชาย มีอาการสาหัสและหมดสติ ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งช่วยเหลือทำ CPR แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม


>> ตำรวจสอบสวนกลาง แถลงจับ "หมอดูตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ตุ๋น ซื้อวัตถุมงคลแก้เคล็ด โดน 2 ข้อหา ฉ้อโกง-ฟอกเงิน

11.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการตำรวจปราบปราม ร่วมแถลงผลจับกุม นายธนวันต์ หรือ "ตี่ลี่ฮวงจุ้ย" หมอดูซินแสชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ฉ้อโกงกับฟอกเงิน ” จากกรณี หลอกลวงเงินผู้เสียหายจำนวนมากให้เช่าวัตถุมงคลแก้เคล็ด เสริมโชคลาภ จนสูญเงินรวมกันกว่า 108 ล้านบาท หลังจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้มาแจ้งความกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) จากนั้นก็มีผู้เสียหายรายอื่นๆเข้ามาแจ้งความอย่างต่อเนื่อง รวมการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งสิ้น 67 คน มูลค่าความเสียหาย 108 ล้านบาท สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหา มีการเปิดบริษัทรับดูดวงฮวงจุ้ย และมีการนำเสนอให้ทำพิธีต่างๆ รวมไปถึงให้ซื้อวัตถุมงคลต่างๆอาทิ กิเลน หรือสิงห์คู่หลายครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่ได้ของตามที่สั่ง ผู้เสียหายบางรายสั่งตั้งแต่ปี 63 จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับของ ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติกรรมแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้ทางตำรวจสอบสวนกลางขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามปรากฏว่าทางตัวผู้ต้องหาไม่ได้อยู่บริเวณบ้าน และได้รับข้อมูลว่ามีคนพาตัวผู้ต้องหาไปบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตรงนี้จะต้องสืบสวนสอบสวนและหาพยานหลักฐาน หากพบว่ามีการพยายามหลบหนีก็จะถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามตัวผู้ต้องหาและมอนิเตอร์อยู่ตลอดเวลา และเตรียมล็อกพื้นที่ตามชายแดนป้องกันการหลบหนีไว้ กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ของวันนี้ พบว่าตัวผู้ต้องหาได้กลับมาอยู่บริเวณบ้านพักย่านปทุมธานี จึงได้เข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทันที เบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ก็มีการนำตัวผู้ต้องหามาที่บก.ป.เป็นที่เรียบร้อย และกำลังทำการสอบปากคำอยู่ คาดว่าจะมีข้อหามากกว่านี้ อย่างไรก็ตามจะต้องสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป


>> พ่อค้าผักหึงโหด เห็นเมียคุยโทรศัพท์เกิดระแวงคุยกับชายขู้ คว้ามีดจ้วงแทงเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำนักทอง ได้รับแจ้งจาก นายศักดิ์พล อนุวัฒโนภาส ผู้ช่วยกำนันตำบลสำนักทอง ว่าเกิดเหตุ สามีใช้มีดแทงภรรยา จนเลือดท่วมบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน ส่วนผู้ก่อเหตุได้ควบคุมตัวไว้ได้ ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.1 ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้หญิงนอนหงายมีบาดแผลถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด จำนวน 16 แผล รอยเลือดไหลเต็มพื้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิตแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา ใกล้กันพบอาวุธมีดปลอกผลไม้ปลายแหลมที่ใช้ก่อเหตุ จึงเก็บเป็นหลักฐาน

นายศักดิ์พล ผู้ช่วยกำนันตำบลสำนักทอง ได้ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองอยู่หน้าบ้านซึ่งใกล้กับจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงทั้งสองคนซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ทะเลาะกันก็ไม่สนใจอะไรมาก เพราะทั้งคู่มักจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องเหมือนถูกทำร้าย จึงรีบไปดูพบกับผู้ก่อเหตุเดินออกมา พอเข้าไปเห็นว่าผู้หญิงถูกทำร้ายนอนจมกองเลือด จึงรีบออกมาคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที โดยผู้ก่อเหตุได้พูดว่า “เมียผมมีชู้ทนมานานแล้ว”

จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายนเรศ อายุ 49 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.บุรีรัมย์ ส่วนผู้เสียชีวิต ชื่อ น.ส.สังวาน อายุ 48 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน มีอาชีพขายผัก ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่มักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เกิดจากการที่นายนเรศ สามี มีอาการหึงหวงผู้เสียชีวิต จนกระทั่งวันนี้ มาพบเห็นภรรยากำลังคุยโทรศัพท์ จึงระแวงว่าคุยกับชายอื่น จนก่อเหตุสลดขึ้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> รถนั่งส่วนบุคคลไฟฟ้า ชนกับรถจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่บาดเจ็บ, คนซ้อนท้ายเสียชีวิต

12.30 น. ตำรวจ สภ.หนองปรือ ตรวจสอบอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคล ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ภายในซอยชัยพรวิถี 25 หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคลระบบไฟฟ้า สีแดง ทะเบียนป้ายแดง ชลบุรี สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ทะเบียน ชลบุรี ติดคาหน้ารถคันดังกล่าว

ตรวจสอบ พบว่ามีผู้บาดเจ็บ คือชายไทย อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ มีอาการเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งรัดนำตัวส่งโรงพยาบาลบางละมุง นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต คือ หญิงไทย อายุ 33 ปี ซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มา 
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่ารถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาจากซอย เมื่อถึงสะพานข้ามมอเตอร์เวย์สาย 7 ก็ชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ที่กำลังจะข้ามถนน บริเวณซอยชัยพรวิถี 25 แรงชนทำให้รถจักรยานยนต์ถูกลากไปไกลกว่า 50 เมตร


>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ย่านสายไหม เสียหายวอดทั้งห้อง

12.37 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยสายไหม 54/1 ถนนสายไหม แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 ภายในห้องนอน เพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 12 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ตู้เย็น ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสายไหม


>> “ชูศักดิ์” เตรียมรวบรวมข้อมูล ส่งคณะสงฆ์จัดการพระเรี่ยไรเงิน

14.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีพระที่ออกมาเรี่ยไรเงินทำบุญกับประชาชน แม้จะจับสึกแล้วก็ยังกลับมาทำต่อว่า ต้องคุยกันหลายเรื่อง โดยตั้งเป้าไว้คือตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ที่ดินของวัดและสำนักสงฆ์ที่มีปัญหาทั่วประเทศ เวลานี้ที่มีปัญหาทั่วประเทศคือ สงฆ์ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่ไปใช้ที่สาธารณะตามที่ต่างๆ ทำให้เกิดปัญหาร้องเรียน บางวัดจะขอวิสุงคามสีมาแต่ติดยังมีปัญหาเรื่องที่ดิน จึงมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ให้มีหน่วยงานต่างๆเช่น กรมที่ดิน ส.ป.ก. มาช่วยดูทั้งระบบ

ส่วนการประพฤติผิดของพระ เราต้องรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้คณะสงฆ์ที่เป็นผู้แก้และไปดูปัญหาเหล่านี้ ซึ่งตนได้ให้นโยบายกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่าหากดูรัฐธรรมนูญให้ดีจะเห็นว่าฉบับนี้เขียนแปลกกว่าฉบับอื่นคือ ให้มีมาตรการป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนา สำนักพุทธฯ ต้องดูว่าจะมีมาตรการอย่างไร เพราะการเขียนแบบนี้แปลว่า มีพฤติกรรมโดยรวมอะไรที่ไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา ก็ต้องถือว่าเป็นการทำลายศาสนา ทั้งหมดนี้ต้องรวบรวมข้อเท็จจริง จะออกเป็นกฎระเบียบอย่างไร เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่ต้องไปพิจารณา


>> ผู้บัญชาการฯ ออกมาตรการ ต้องขออนุญาต หากจะใช้พื้นที่แถลงข่าว หวั่นซ้ำรอยทนายโดนตบ

14.37 น. พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการใช้พื้นที่แถลงข่าวว่า จากกรณีล่าสุดที่มีทนายความ ถูกทำร้ายร่างกาย ขณะกำลังแถลงข่าวในพื้นที่ กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) นั้น เมื่อย้อนดูจะพบว่าที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากว่ามีทนายความ อินฟลูเอ็นเซอร์ พระสงฆ์ หรือ บุคคลทั่วไป ทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหา ใช้พื้นที่ บช.ก. เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ ส่งผลให้ต้องออกมาตรการว่าต่อไปนี้ ผู้ใดที่ต้องการจะใช้บช.ก. ซึ่งเป็นสถานที่ราชการในการแถลงข่าว จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบด้วย เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการใช้ บช.ก. สร้างคอนเทนต์ ซึ่งอาจเป็นการหลอกลวงประชาชนซ้ำ ส่วนกรณีที่มีการใช้พื้นที่ด้านนอกบช.ก.เป็นพื้นที่แถลงข่าวนั้น ก็สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่เดินสัญจรไปมา รวมทั้งอาจเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนผู้ที่หยุดดูการแถลงข่าวด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปหากมีใครต้องการแถลงข่าว ก็ขอให้พิจารณาใช้พื้นที่ส่วนตัวในการแถลง เนื่องจากตำรวจสอบสวนกลาง มีหน้าที่ในการรับแจ้งความจากประชาชน และจะดูแลประชาชนในด้านนี้อย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันว่า ประชาชนสามารถมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง ไม่ต้องดำเนินการผ่านใคร เนื่องจากอาจถูกบุคคลเหล่านั้น เรียกเก็บค่าดำเนินการได้


>> "บิ๊กเต่า" เผยความคืบหน้าคดี "ดิไอคอน กรุ๊ป" ยืนยันไม่มีตำรวจเรียกรับเงิน 9 ล้านบาท

15.50 น. พล.ต.ท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี "ดิไอคอน กรุ๊ป"

โดย พล.ต.ต จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ในกรณีของ นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง จะมีการประชุมเพิ่มเติม และจะรีบเร่งรัดคดีให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ และในส่วนที่เหลือจะต้องมีการสอบสวนพยานอีกหลายส่วน ซึ่งการประชุมภายในวันนี้ก็จะสามารถบอกได้ว่า สำนวนจะเสร็จวันไหน โดยคดีนี้เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ เพราะพยานหลักฐานชัดเจน

สำหรับเรื่องที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้มีการกล่าวอ้างว่ามีตำรวจกองปราบเรียกรับเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเป็นจำนวน 9 ล้านบาทนั้น ตนได้เรียก นายอัจฉริยะ และคนที่ให้ข้อมูลกับ นายอัจฉริยะ มาสอบปากคำแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงิน จากการตรวจสอบไม่พบพยานหลักฐาน ถ้าพบว่าตำรวจมีการกระทำดังกล่าวก็จะมีการลงโทษตามกฎหมายทันที

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า มีการสอบปากคำไปแล้วกว่า 10,000 ปาก และมีการส่งเอกสารไปแล้วกว่า 5,800 ปาก และที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสาร ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็จะมีการนำส่งทั้งหมด ให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ทำต่อ คาดว่าจะสรุปสำนวนทั้งหมดครบฝากสุดท้าย และจะต้องเสร็จให้ทันตามกรอบระยะเวลา 48 วัน หรือถ้าไม่ทันตามกรอบระยะเวลา ก็จะมีการปล่อยตัวผู้ต้องหา แต่ว่าไม่มีการตัดสิทธิ์ในการฟ้องร้อง หลังจากนั้นก็จะมีการเรียกผู้ต้องหามาฟ้องเพิ่ม ถ้ามีคนช่วยปกปิดอำพรางก็จะมีการดำเนินคดีกับบุคคลนั้น


>> "ทนายบอสพอล" ไม่หนักใจที่ DSI แจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ 18 บอส ยืนยันมีหลักฐานพร้อมชี้แจง

16.00 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยม บอสพอล ว่า หากดูจากพฤติการณ์ที่ DSI แจ้งมา เป็นเรื่องที่สามารถตอบได้ ชี้แจงได้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งมีหลักฐานชัดเจน ยืนยันว่าไม่มีประเด็นหนักใจ รวมถึงเรื่องการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ก็ไม่หนักใจ เพราะมันเป็นเรื่องคะแนนที่ได้ไปท่องเที่ยวเท่านั้น จึงไม่เข้าใจว่าเเจ้งเป็นพฤติการณ์แห่งคดีได้อย่างไร ส่วนอีกประเด็นที่ DSI กล่าวหาว่าเป็นการชักชวนคนมากกว่าการซื้อขายสินค้านั้น ซึ่งในข้อเท็จจริงมีคนมาซื้อสินค้าจริงๆ ข้อเท็จจริง คือ ตัวแทนเปิดบิล เขาได้สินค้าไปขาย ตัวแทนไม่ได้ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าตอบแทน 48% กลับมาดังที่ DSI เข้าใจ ประเด็นนี้เราแก้ข้อกล่าวหาได้

วันนี้เป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 18 ราย และยังไม่ได้สอบสวนปากคำ เนื่องจากห้องสอบสวนของเรือนจำฯ มีห้องเดียว และฝั่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีผู้ต้องหาชายหลายคน จึงทำให้สอบปากคำไม่ทัน ดังนั้น หลังจากนี้ก็จะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรและจะยื่นให้ภายใน 15 วัน โดยเรามีทั้งเอกสาร พยานหลักฐาน การส่งสินค้าไปยังปลายทางทุกอย่าง จึงไม่ได้กังวล ส่วนผู้ต้องหาที่เข้าทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ คือ บอสอูมมี่ เนื่องจากมีอาการอาเจียนบ่อยและมีอาการอ่อนเพลีย จึงส่งเข้าทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์

ทั้งนี้ กรณีที่อาจจะสอบปากคำไม่ทัน 7 ฝาก หรือ 84 วัน มองว่าผู้ต้องหาให้การไปไม่รู้จะใช้ระยะเวลากี่วัน เพราะรายละเอียดเยอะ แต่ตนเองเชื่อว่าทัน ส่วนพยานอีกกว่า 2,000-3,000 ราย ตนย้ำว่าจะตัดออกไม่ได้ ถือเป็นการสอบปากคำพยานที่ขายของได้ให้เข้าไปในสำนวน และไม่ควรฟังความข้างเดียว ต้องฟังความอีกข้างด้วย ทั้งนี้ ตนอาจจะขอประกันตัว บอสวิน หรือ นายธวินทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ ก่อน เพราะร่างกายเริ่มแย่เนื่องจากเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่ 3 แล้ว ทำให้เกิดความกังวลใจ โดยจะยื่นประกันเร็วๆ นี้


>> เพลิงไหม้บ้านไม้ 2 ชั้นในชุมชนวัดน้อย เสียหายวอดหมด 2 หลัง และลุกลามบ้านข้างเคียงอีกหลัง เสียหายบางส่วน

18.20 น. ศูนย์วิทยุสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณชุมชนวัดน้อย ใกล้เคียงวัดน้อย ในพื้นที่ หมู่ที่2 ตำบลโคกคราม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นปลูกติดกันหลายหลังคาเรือน เป็นลักษณะชุมชน พบมีกลุ่มควันและแสงเพลิงจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลคราม จึงเร่งใช้น้ำจำนวน 3 หัวฉีดเพื่อสกัดเพลิง ไม่ให้ลุกลามบ้านข้างเคียง พร้อมประสานขอรถน้ำจากพื้นที่ใกล้เคียงจากเทศบาลตำบลบางปลาม้า เทศบาลตำบลโคกคราม เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เทศบาลตำบลท่าระหัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมการใช้น้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมไว้ได้และเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา

ตรวจสอบ พบบ้านถูกเพลิงลุกไหม้รับความเสียหายจำนวน 2 หลังคาเรือน และได้รับความเสียหายบางส่วนอีก 1 หลังคาเรือน ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต 
สาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า และประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง


>> รถบรรทุกชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง 2 ราย

18.35 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู พระนครศรีอยุธยา มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนกับรถบรรทุก และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนหมายเลข 3111 ช่วงสะพานไผ่พระ ในพื้นที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง - ดำ ป้ายทะเบียน พระนครศรีอยุธยา ล้มคว่ำอยู่ข้างทาง สภาพรถพังเสียหาย ใกล้กันพบรถบรรทุก อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. สภาพหน้ารถพังซ้ายมีร่องรอยการชนเสียหาย

จากการตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย ตรวจสอบเอกสารทราบชื่อต่อมา นส.มะลิวรรณ อายุ 39 ปี และเด็กหญิง อายุ 13 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางไทร

>> รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถพ่วง มีผู้เสียชีวิต

21.50 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนกับรถบรรทุก และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ถนนรัชดา - รามอินทราใกล้เคียงหมู่บ้านบางกอกบูเลอวาร์ด ในพื้นที่ เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ เวสป้า สีเขียว ป้ายทะเบียน กทม. ล้มคว่ำสภาพหน้ารถพังเสียหาย อยู่ที่ท้ายรถพ่วง ป้ายทะเบียน สมุทรปราการ และพบว่าผู้ขับขี่รถ จยย. เป็นผู้ชาย 1 ราย อายุประมาณ 20 - 25 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติ ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา พื้นที่ สน.โคกคราม


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

01.16 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.2 ความลึก 11 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 65 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม