วันที่ 29 ตุลาคม 2567 เวลา 11:16 น.
วันที่ 29 ตุลาคม 2567 หลังจากที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้อนุมัติให้ย้ายพลายขุนเดชไปรักษาที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ โดยทีมสัตวแพทย์ได้เข้าตรวจสุขภาพ ก่อนวางแผนเคลื่อนย้ายโดยเร็ว
เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ภายใต้มาตรฐานการดูแลช้างที่กำหนดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี เฝ้าระวังโรค และบันทึกข้อมูลการรักษาอย่างเป็นระบบ
ล่าสุด สัตวแพทย์หญิงรัตนา สาริวงศ์จันทร์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้รายงานถึงผลการตรวจสุขภาพช้างพลายขุนเดช พบความผิดปกติที่รุนแรง
โดยเฉพาะที่ขาหน้าซ้ายซึ่งเคยติดบ่วงแร้ว มีความยาวมากกว่าขาขวาที่ปกติ เพราะช้างไม่ได้ใช้ขาข้างนี้รับน้ำหนัก ส่งผลให้ขาหลังต้องรับน้ำหนักชดเชย โดยเฉพาะขาหลังขวาที่มีการลอกหลุดและงอกของฝ่าเท้าผิดธรรมชาติ เล็บเท้าผิดปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ยังพบว่ากระดูกสันหลังผิดรูปเป็นรูปตัว S จากการชดเชยน้ำหนักขณะเดิน
ส่วนบาดแผลที่เท้าหน้าซ้าย แม้ไม่พบการติดเชื้อ แต่มีเนื้อเยื่อส่วนเกิน (granulation tissue) ที่ไวต่อความรู้สึกและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเปิดได้ง่าย ด้านพฤติกรรม พบว่าผู้ดูแลสามารถควบคุมช้างได้เพียงระดับ 5/10 ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมสำหรับการรักษา (7-8/10)
จากการประเมิน ทีมสัตวแพทย์ระบุว่าความผิดปกติทางโครงสร้างที่เกิดขึ้นมานานกว่า 10 ปีนี้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและเครื่องมือพิเศษในการรักษา จึงวางแผนดำเนินการหลังย้ายช้างไปยังสถานที่ใหม่ โดยระหว่างนี้จะย้ายช้างจากโรงเรือนเดิมที่ติดชุมชนและมีดินโคลนทับถม ไปยังโรงเรือนใหม่ใกล้จุดเคลื่อนย้าย ทำความสะอาดบาดแผล พันผ้าพันแผล และสวมถุงเท้าป้องกันสิ่งสกปรก (wound dressing) ทุกวัน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกทุกวัน
นายอรรถพล กล่าวว่า ในการดำเนินทุกขั้นตอนทีมสัตวแพทย์ ควาญ และเจ้าหน้าที่จะคำนึงถึงสภาพร่างกายของช้างเป็นสำคัญ โดยหากพบภาวะวิกฤต จะเร่งดำเนินการเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมงตามเงื่อนไขการเคลื่อนย้ายช้างป่วยหนัก เพื่อให้ช้างได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนและเหมาะสมที่สุด รวมถึงเพื่อป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของช้าง
สำหรับพลายขุนเดช เป็นช้างป่าที่บาดเจ็บจากบ่วงแร้ว ที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2555 ขณะมีอายุเพียง 2 ปี โดยพบสาเหตุที่ทำให้แผลที่ข้อเท้าหน้าซ้ายรักษาไม่หาย เนื่องจากมีการงอกแหลมออกของกระดูกข้อเท้าบางชิ้น ประกอบกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโต และพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นที่มีฮอร์โมนเพศหลั่งมากผิดปกติ ได้ส่งตัวไปรักษาที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จ.ชลบุรี
ก่อนย้ายไปรักษาต่อที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในปี 2556 จนมีอาการดีขึ้น แต่เนื่องจากเป็นช้างพิการไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ จึงได้ส่งตัวไปอยู่ในการดูแลของมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ ในปี 2557
ขณะที่ทางด้านของ กัญจนา ศิลปอาชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า "ป้าขอโทษนะลูกขุนเดช ป้าไม่รู้เลย ชดเชยอะไรได้ จะทำทุกอย่าง พร้อมระบุว่า ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นหลังอ่านโพสต์ของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ยอมรับว่าน้ำตาไหล เหมือนเรามีส่วนผิดในชีวิตน้องที่ผ่านมา"
ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช