หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2567

วันที่ 25 ตุลาคม 2567 เวลา 05:40 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2567


>> ชาวบ้านเก็บผักริมรั้ว เจอทารกแรกเกิด ถูกทิ้งข้างแปลงผัก ได้ยินเสียงเมื่อคืน คิดว่าลูกแพะร้อง

06.00 น. สภ.หนองปรือ รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเด็กทารกแรกเกิด ถูกทิ้งอยู่กลางแปลงผักริมรั้วบ้านหลังหนึ่ง ซอยมาสองหนองใหญ่ 10 ม. 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านช่วยกันอุ้มเด็กทารกแรกเกิด เพศหญิง เข้ามาไว้ในบ้านแล้ว หลังพบถูกทิ้งอยู่ข้างแปลงผักสวนครัวริมรั้วบ้าน ตรวจสอบร่องรอยถูกและแมลงกัด ไปจนทั่วทั้งตัว ที่ขายังพบร่องรอยแดงช้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯต้องทำความสะอาด แล้วใช้ผ้าห่อไว้เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น นอกจากนี้ บริเวณริมรั้วยังพบคราบเลือดไหลหยดเป็นทาง คาดว่าแม่ของเด็กน่าจะเพิ่งคลอดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

สอบถาม นางสายฝน อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้ยินเสียงตั้งแต่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา แต่ก็คิดว่าลูกแพะร้องไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งช่วงเช้าจะออกไปเก็บผักสวนครัวมาทำกับข้าว ก็ได้ยินเสียงร้องคล้ายลูกแพะอีกครั้ง จึงเดินเข้าไปตรวจสอบ ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า ที่ถูกทิ้งอยู่ริมแปลงผัก ไม่ใช่ลูกแพะแต่เป็นทารกแรกเกิด ถูกมดกัดตามตัว จึงรีบเรียกให้ชาวบ้านช่วยเหลือแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำเด็กทารกแรกเกิดเพศหญิงที่ถูก พ่อ-แม่ ใจร้ายทอดทิ้งให้มดกัดอยู่ริมแปลงผักรายนี้ ไปดูแลต่อยังโรงพยาบาลบางละมุง พร้อมทั้งประสาน บ้านพักเด็กจังหวัดชลบุรี หาแนวทางการช่วยเหลือทารก นอกจากนี้ ยังได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาเบาะแสจากพยานแวดล้อม และกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวพ่อและแม่ ของเด็กทารกรายนี้เข้ามาสอบสวน หาเหตุจูงใจที่ได้ทอดทิ้งลูกในไส้ ได้ลงคอ


>> รพ.เด็ก เผยอาการเหยื่อไฟไหม้รถบัส อาการดีขึ้น อารมณ์คงที่

09.00 น. สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ผู้ป่วยเด็กหญิง 14 ปี ได้รับผลกระทบจากกรณีรสบัสเกิดเหตุเพลิงไหม้ (ฉบับที่ 22) ระบุว่า สืบเนื่องจากผู้ป่วยเด็กหญิงไทย อายุ 14 ปี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์รถบัสเกิดเหตุเพลิงไหม้บนถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และเข้ารับการรักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์นั้น

จากการตรวจรักษาของวันที่ 24 ตุลาคม 2567 พบว่าอาการดีขึ้น บาดแผลไฟไหม้ดีขึ้นมาก ไม่พบการติดเชื้อ ไม่พบปัญหาข้อติดยึด สามารถทำกายบริหาร ยืดเหยียดข้อไหล่ ข้อศอก และข้อนิ้วมือ เพื่อป้องกันข้อติดได้ดี ด้านจิตใจผู้ป่วยมีอารมณ์คงที่ นอนหลับได้ดี มีวิธีการจัดการอารมณ์ที่ดี ผลการรักษาเป็นที่พึงพอใจของทีมแพทย์ แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อเตรียมความพร้อมในการกลับบ้านต่อไป ขอขอบพระคุณทุกท่านในความห่วงใยสุขภาพอาการของเด็ก ทางทีมแพทย์และพยาบาลของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ จะให้การดูแลรักษาเด็กอย่างเต็มที่


>> ปส.2 ไล่ล่าคนร้าย ยึดยาบ้า 4 ล้านเม็ด, ไอซ์ 300 กก.

11.44 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด 2 (บก.ปส.2) ลงพื้นที่ สกัดจับคนร้ายอุกอาจ ขนยาบ้า 4,000,000 ล้านเม็ด ไอซ์ 300 กิโลกรัม ซึ่งกระบะหลบหนีตำรวจ ชนดะ สุดท้ายไม่รอด

สืบเนื่องจากวันที่ 6 ก.ค.67 ตำรวจกองกำกับการ 3 บก.ปส.2 ได้จับกุม นายสมศักดิ์ พร้อมไอซ์ จำนวน 500 กก. บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านธาตุ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จว.สกลนคร จึงสืบสวนขยายผลรถยนต์ของเครือข่ายที่หลบหนีการจับกุมเมื่อวันที่ 6 ก.ค.67 ไป ตำรวจจึงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว กระทั่งวันที่ 20 ต.ค.67 พบมีการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถยนต์จาก ชลบุรี เป็น กรุงเทพมหานคร และขับเข้ามาในพื้นที่ อ.เมือง จว.นครพนม

ตำรวจจึงวางกำลังตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่ารถยนต์คันดังกล่าวจะใช้ในการลำเลียงยาเสพติด จนเวลาประมาณ 00.15 น. ของวันที่ 21 ต.ค.67 รถยนต์คันดังกล่าวกำลังวิ่งอยู่บนถนนนิตโย มุ่งหน้า อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร กระทั่งมาจอดติดไฟแดงบริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านธาตุ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จว.สกลนคร ชุดจับกุมจึงเข้าสกัดทันที พบ นายธวัชชัย คนขับ และ นายณัฐนนท์ คนโดยสาร ก่อนจะควบคุมทั้ง 2 คน มาตรวจค้นรถ

จากการตรวจสอบภายในรถ พบกระสอบสีรุ้งภายในรถ จำนวน 10 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้ากระสอบละ 400,000 เม็ด รวมยาบ้า 4,000,000 เม็ด สอบถามผู้ต้องหา 2 คน ยอมรับว่า ยาบ้าของกลางดังกล่าว เป็นของตนเองจริงและจะนำไปส่งให้กับลูกค้าที่กรุงเทพมหานคร


>> ช่างเจียระไนพลอยสุดทน ชักมีดจ้วงแทงเมียดับ หลังถูกด่าโง่เองที่มาคบ กับโกงเงินเรื่องค่าพลอย

13.30 น. สภ.รัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุหญิงสาวถูกแทงเสียชีวิตในห้องพัก ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในซอยงามวงศ์วาน 31 แยก 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี

ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 7 ชั้น ที่ชั้น 5 ห้อง 513 พบผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงนอนหงายอยู่ตรงประตูห้องนอน สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน สวมกางเกงยีนส์ขายาว มีแผลถูกแทงที่ใต้ราวนมประมาณ 5 แผล พบมีดทำครัวยาวประมาณ 10 นิ้ว ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 เล่ม และวางอยู่หน้าประตูห้องอีก 2 เล่ม ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.เรณู อายุ 54 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายกอ (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี อาชีพซื้อขายและเจียระไนพลอย ยืนรอมอบตัวอยู่หน้าลิฟท์ชั้นล่าง หลังก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้

จากการสอบถาม นายกอ อายุ 65 ปี สามีผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ตนกับภรรยามักมีเรื่องด่าทอทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ จากปัญหาหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องที่ตนถูกภรรยาแอบโกงเงินค่าพลอยและเรื่องที่ภรรยามีชายหนุ่มมาติดพัน จนวันนี้ตนเองก็ถูกภรรยาพูดจาเหน็บแหนมอีกหลังในทำนองว่า มึงมันโง่ที่มาเอากูเอง ซึ่งเป็นการพูดต่อหน้าลูกสาวคนเล็กที่เดินทางมาตนที่ห้อง ด้วยความเจ็บแค้นในใจกับคำพูดดังกล่าว ตนจึงรอให้ลูกสาวคนเล็กเดินทางกลับไป จากนั้นจึงใช้อาวุธมีดที่ซื้อมา แทงใส่ผู้ตายไป 4 ที่ บริเวณใต้ราวนมช่วงหน้าอก เพราะตนต้องการจบปัญหากับภรรยาคนนี้ ทั้งเรื่องโกงเงินค่าพลอยที่รับมาทำด้วยกัน และเรื่องเพื่อนสนิทชายที่แอบคบหากัน ซึ่งตนรู้ระแคะระคายมาตลอด 2 ปี และเขาจะได้ไม่ต้องไปเป็นภาระขอเงินลูกๆ เพื่อแอบไปดูแลเพื่อนชายคนสนิทที่คบซ้อนกับตนอีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากนั้นได้ควบคุมตัวส่ง สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


>> ผู้ช่วย ผบ.ตร. นําตํารวจ ปส. แถลงผลจับแก๊งลักลอบขนยาเสพติดรายสําคัญพร้อมยึดของกลางจํานวนมาก

13.05 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุมกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญพร้อมตรวจยึดของกลางยาเสพติดจํานวนมาก

พล.ต.ท.นิรันดร กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นผลงานความร่วมมือของตํารวจปราบปรามยาเสพติดร่วมกับภาคีเครือข่ายทางทหาร ในห้วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาในงบประมาณแรกประจําปี 2568 โดยสามารถจับกุมเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดสําคัญ จํานวน 5 คดี จับกุมผู้ต้องหารวม 15 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยาบ้า 11,790,000 เม็ด ไอซ์ 760 กิโลกรัม เคตามีน 40 กิโลกรัม ซึ่งการจับกุมทั้ง 5 คดี สืบเนื่องจากการขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาก่อนหน้านี้และหลังจากนี้จะมีการขยายผลเพื่อจับกุมผู้เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับภาพรวมของปีงบประมาณ 2567 ได้มีการจับกุมคดียาเสพติดรวม 260,506 คดี จับกุมผู้ต้องหา 268,679 คน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 30 – 50 ปี ตรวจยึดของกลางยาเสพติดเป็นยาบ้ากว่า 1,001 ล้านเม็ด ไอซ์ 25.4 ตัน เฮโรอีน 1.6 ตัน คีตามีน 5.6 ตัน และ ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด กว่า 12,000 ล้านบาท


>> ลุงดวดเหล้าย้อมใจ ก่อนจุดไฟเผาบ้านวอด เผยน้อยใจ "ตัวเองใช้แรงแลกเงินเลี้ยงชีพ ส่วนคนอื่นได้ เงินหมื่นจากรัฐบาล กินกันอย่างสนุกสนาน"

13.21 น. สภ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ บ้านดอนไม้ไฟ หมู่ 7 ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์

ที่เกิดเหตุ พบว่าไฟกำลังลุกไหม้บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ รถดับเพลิงทำงานด้วยความยากลำลาก เนื่องจากรถเข้าไปไม่ถึงจุดเกิดเหตุ ประกอบกับบ้านเป็นไม้ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงสามารถดับเพลิงได้ ตรวจสอบพบว่าตัวบ้านและทรัพย์สินภายในบ้านเสียหายทั้งหลัง

เจ้าหน้าที่ยังพบ นายจอ (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในเจ้าของบ้านหลังนี้ นั่งอยู่ข้างยุ้งข้าวด้วยอาการเมาสุราอย่างหนัก พูดจาวกวน เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามว่าใครเป็นคนเผา นายจอ ยอมรับว่าเป็นคนใช้ไฟแช็คเผาบ้านเอง สาเหตุเพราะน้อยใจหลายเรื่องภายในบ้าน และยังยอมรับว่าอยู่ทุกวันนี้ต้องใช้แรงงานในการรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงชีพตัวเอง ส่วนชาวบ้านคนอื่นได้เงินฟรีจากรัฐบาล 10,000 บาทใช้ชีวิตกันอย่างสนุกสนาน ส่วนตนลำบาก

ด้าน พ.ต.อ.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงค์ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีปัญหากันภายในบ้าน หลังจากนี้จะต้องให้กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ หากพบว่าเป็นการจงใจเผาอาจจะมีความผิด


>> สาวใหญ่ ขับกระบะชนเสาไฟฟ้าแล้วพุ่งชนบ้านเรือนประชาชนพัง บาดเจ็บสาหัสกู้ชีพ - กู้ภัยเร่งช่วยเหลือนำส่ง รพ.

14.20 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ลพบุรี มีอุบัติเหตุ รถกระบะเสียหลักพลิกคว่ำพุ่งชนบ้านเรือนประชาชน และมีผู้บาดเจ็บ ริมถนนสายลพบุรี - วังม่วง บริเวณระหว่างซอย 14-15 สายตรี ในพื้นที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า รีโว่ สีเทา ป้ายทะเบียน สระบุรี ลักษณะชนกับเสาไฟส่องสว่างหัก 1 ต้น แล้วรถเสียหลักพุ่งชนบ้านเรือนประชาชนพังเสียหาย 1 หลัง สภาพรถะบะพลิกตะแคงพังเสียหายยับเยิน ข้างรถยนต์กระบะพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย นอนหมดสติอยู่ข้างรถยนต์กระบะ

อาสาฯได้เร่งให้การช่วยเหลือด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนประสานทีมแพยท์โรงพยาบาลพัฒนานิคมเคลื่อนย้ายขึ้นรถกู้ชีพ นำส่งโรงพยาบาลพัฒนานิคม ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม


>> อนุญาตให้ประกัน ภรรยาอดีตนายพลตํารวจ ด้วยวงเงิน 105,000 บาท

15.13 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ทนายความของภรรยาอดีตนายพลตํารวจ เปิดเผยภายหลังพาผู้ต้องหาเดินทางเข้ามอบตัวตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ในข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานและร่วมกันบุกรุกเคหสถาน” โดยใช้เวลาสอบปากคํานาน 4 ชั่วโมง

โดย ทนาย เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ให้ปากคําตามข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนครบหมดแล้ว ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยมีการชี้แจงทุกอย่างไว้ในสํานวนแต่ไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้ ส่วนเรื่องเงินและทรัพย์สินต่างๆ นั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่ยืนยันจะดําเนินคดีกับผู้ที่ทําให้เสียหายอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวภรรยาอดีตนายพลตํารวจเป็นเงินสดจํานวน 105,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งหลังจากนี้ตํารวจจะรวบรวมพยานหลักฐานยื่นให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลต่อไป ซึ่งหลังจากที่ตํารวจอนุญาตให้ประกันตัว ภรรยาของอดีตนายพลตํารวจได้เดินรีบขึ้นรถกลับทันที


>> นายกฯ เปิดเผยคดีตากใบไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะออกเป็นพระราชกำหนดขยายอายุความ ยืนยันรัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

15.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีตากใบที่จะหมดอายุความในวันพรุ่งนี้ (25 ต.ค.) ว่า เป็นคดีที่เกิดขึ้นประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ได้กลับไปดูข้อมูลหลายอย่างรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลในอดีตได้ออกมาแสดงความเสียใจ และจ่ายค่าชดเชยเยียวยาไปแล้ว ในฐานะนายกรัฐมนตรีเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษในนามของรัฐบาล จะทำให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ในส่วนของกฎหมาย ได้มีการส่งคำถามให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาถึงการออกพระราชกำหนดขยายอายุความ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า กรณีดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการออกพระราชกำหนดตามรัฐธรรมนูญ

ย้ำว่า รัฐบาลตระหนักถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น จึงไม่อยากให้โยงเรื่องนี้กับการเมือง ยืนยันว่าความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ หน่วยงานความมั่นคงก็ดูแลอย่างเต็มที่ และตนเองจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด พร้อมขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพราะความสามัคคีต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความสงบสุขในประเทศ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลอาจจะมีการพิจารณาการเยียวยาเพิ่มเติม ซึ่งต้องดูในข้อกฎหมาย ทั้งผู้ได้รับผลกระทบ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต รวมทั้งยินดีที่จะลงพื้นที่ แต่ต้องหาเวลาที่เหมาะสม


>> ทนายรับคำสั่ง "บอสพอล" เดินหน้าเอาผิด "นักร้อง-พยานเท็จ-ทนาย-แม่ข่าย"

16.24 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เดินทางมาแจ้งความเอาผิดนักร้องสาว ก. กรณี "บอสพอล" ถูกรีดทรัพย์ 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนบริษัท "ดิไอคอน กรุ๊ป"

โดย นายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้มีการส่งทีมทนายนำเอกสารไปให้ "บอสพอล" ลงนามมอบอำนาจให้มาดำเนินคดีแจ้งความเอาผิดกับนักร้องสาว ก. ในข้อหา "กรรโชกทรัพย์" ส่วนรีดทรัพย์จะเข้าหรือไม่จะต้องคุยรายละเอียดกับทางพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เนื่องจากเคยถูกเรียกเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการร้องเรียนบริษัท "ดิไอคอน กรุ๊ป"

ส่วนเรื่องที่ 2 อยู่ระหว่างการตรวจสอบและพิจารณาที่จะดำเนินคดีกับทาง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และพยานเท็จ ที่อ้างว่าเป็นคนสนิทใกล้ชิดกับ "บอสพอล" นำข้อมูลว่า "บอสพอล" มีการเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโต ซึ่งทางตำรวจได้มีการออกมายืนยันแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลนี้เชื่อถือไม่ได้ ขณะนี้ทางทีมทนายมีการรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมทำเอกสารเพื่อจะแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวต่อไป

ส่วนเรื่องที่ 3 "บอสพอล" ก็มีการสั่งให้รวบรวมข้อมูล ในการดำเนินคดีกับทนายความชื่อดังคนหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในทนายดรีมทีม ซึ่งก่อนหน้าที่เหล่าบอสจะถูกจับกุมดำเนินคดี ทนายคนดังกล่าวมีการโทรศัพท์หาทาง "บอสพอล" เพื่อเจรจาต่อรอง ให้จ่ายเงิน 7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการที่จะไม่นำผู้เสียหายกลุ่มนี้ไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ "บอสพอล" ยังไม่ได้จ่ายจำนวนดังกล่าวไปแต่อย่างใด ทั้งนี้เลขาของ "บอสพอล" ได้มีการบันทึกเสียงขณะเจรจากันไว้ หากตนได้คลิปเสียงดังกล่าวจะดูความเหมาะสมแล้วจะเปิดเผยอีกครั้ง

ส่วนเรื่องที่ 4 ตนจะรวบรวมรายชื่อแม่ข่ายที่มีพฤติกรรมไปเชิญชวนผู้เสียหายเป็นตัวแทนจำหน่าย จากนั้นแม่ข่ายขัดผลประโยชน์กับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แต่มาเนียนอ้างว่าเป็นผู้เสียหายด้วย โดยจะนำเอกสารรายชื่อมาให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบต่อไป


>> พลเมืองดีกระโดดน้ำเจ้าพระยา ช่วยหญิงกระโดดสะพานเจษฎาบดินทร์ รอดตายหวุดหวิด

17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี รับแจ้งมีเหตุหญิงกระโดดจากสะพานเจษฎาบดินทร์ ฝั่งขาออกมุ่งหน้าบางศรีเมือง ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี

ที่เกิดเหตุใต้สะพานเจษฎาบดินทร์ พบพลเมืองดี ได้ช่วยหญิงดังกล่าวขึ้นจากแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ได้ แต่ยังอยู่ในอาการหมดสติ กู้ภัยได้ให้กาาช่วยเหลือรีบนำตัวส่ง ร.พ.พระนั่งเกล้า เพื่อทำการรักษา

นายวินัย อายุ 45 ปี พลเมืองดี กล่าวว่า ก่อนเกิดตนและภรรยา พาลูก 2 คน มาผูกเปลเล่น ขณะกำลังจะเก็บของกลับบ้าน ได้ยินเสียงเหมือนของตกจากบนสะพานช่วงโคมไฟดวงที่ 2 ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งของหรือคน จนเห็นว่าเป็นคนตนกับเพื่อนได้ว่ายน้ำออกไปช่วย โดยเอาห่วงยางของลูกไปช่วยพยุงคนที่ตกน้ำ จนสามารถช่วยขึ้นมาได้และโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ตอนแรกหญิงดังกล่าวอยู่ในอาการหมดสติ จนกู้ภัยเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้นจนฟื้นและนำส่ง ร.พ.

นายอุทิศ อายุ 25 ปี คนตกปลา กล่าวว่า ตนไม่เห็นตอนที่เขาขึ้นมากระโดด เพราะไม่ได้สนใจอะไร แต่เห็นตอนแรกด้านล่างสะพาน อยู่กับผู้ชายอีกคนแต่ไม่ทราบว่าเป็นสามีภรรยากันหรือไม่ เหมือนมีปัญหากัน ตนกับเพื่อนที่ตกปลา เลยย้ายขึ้นมาตกบนสะพาน จนมาเห็นมีคนไปช่วยขึ้นจากน้ำแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกระเป๋าถือของหญิงคนดังกล่าวพบโทรศัพท์มือถือ เอกสารต่างๆ และบัตรประชาชน เป็นหญิงไทย อายุ 50 ปี บ้านอยู่แถวงามวงศ์วาน พื้นที่ อ.เมืองนนทบุรี

เบืัองต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานแจ้งให้ญาติให้ทราบและให้เดินทางเข้าติดต่อ รพ.พระนั่งเกล้า เพื่อเข้าไปดูแลต่อไป


>> กระบะพุ่งชนร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง คนนั่งกินดับ 1 สาหัส 9 ราย ตร.คุมตัวหนุ่มคนขับตรวจแอลกอฮอล์

21.00 น. สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถกระเสียหลักพุ่งชนร้านอาหารข้างทาง และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก บริเวณทางขึ้นอุโมงค์แยกเก่าน้อย ถนนมิตรภาพ ช่วงขาเข้าตัวเมืองอุดรธานี ใกล้เคียงสำนักงานขนส่งเก่าแห่งที่ 1 อ.เมือง จ.อุดรธานี

ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีดำ ป้ายทะเบียน อุดรธานี ลักษณะพุ่งชนรถเข็นขายอาหารข้างกำแพงสำนกงานขนส่งฯ รวมทั้ง โต๊ะ เก้าอี้ ถ้วยชาม ร้านขายบะหมี่ ข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ จนเสียหายพังระเนระนาดแตกกระจาย ส่วนลูกค้าที่นั่งร้านก๋วยเตี๋ยว พบว่าถูกรถชนและได้เสียชีวิต 1 คน เป็นชายไทย อายุ 51 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 9 คน กู้ภัยจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยอาสากู้ภัยตรวจสอบพบว่า มีเด็กเล็กถูกรถทับ จึงใช้อุปกรณ์ยกรถขึ้นก่อนนำตัวเด็กน้อยออกมาและรีบนำส่งโรงพยาบาล

ส่วนคนขับรถกระบะ เป็นชาย อายุ 21 ปี ยืนรถมอบตัว ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ เพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป


>> รถจักรยานนยนต์เฉี่ยวชนกัน ก่อนคนขับหน้าผากฟาดกับเสาไฟฟ้า มีผู้เสียชีวิต 1 รายริมถนนรัชดาภิเษก ก่อนถึงแยกรัชโยธิน

22.10 น. รับแจ้งจาก อาสากู้ภัย จุด สน.พหลโยธิน มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ 2 คันชนกัน มีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก เลยปากทางลงอุโมงค์ลอดแยกรัชโยธิน ก่อนถึงทางเข้า สน.พหลโยธิน ในพื้นที่ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า จีที สีแดง ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ เวสป้า สีดำ ไม่พบป้ายทะเบียน ใกล้กันที่โคนเสาไฟฟ้า พบร่องรอยเศษชิ้นเนื้อมนุษย์

และห่างไปเล็กน้อย พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยให้การช่วยเหลือปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 48 ปี มีบาดแผลเปิดที่หน้าผาก ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน  


>> หนุ่มวัย 42 ปีขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง เสียชีวิต

03.00 น. รับแจ้งเบื้องต้นจาก หน่วยกู้ภัย บูรพา มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถบรรทุกพ่วง และมีผู้เสียชีวิต ชาย 1 ราย จุดเกิดเหตุแยกไฟแดงซีพี ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก

ที่เกิดเหตุ ถนนสายพิษณุโลก - หล่มสัก ช่วงบริเวณไฟแดงแยกซีพี พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีส้มดำ แผ่นป้ายทะเบียน พิษณุโลก ลักษณะชนกับรถบรรทุก 22 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว แผ่นป้ายทะเบียน พิษณุโลก

จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยบูรพา เข้าตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ลักษณะการแต่งกายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน สภาพนอนหงายมีบาดแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ที่ศีรษะและมีอาการทางกระดูกหลายแห่ง ทราบชื่อผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย อายุ 42 ปี ชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมด้วยแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ ก่อนมอบให้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพาดำเนินการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตนำส่งชันสูตรนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช  

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม