หน้าแรก > สังคม

PTG ผนึกมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ-กรมป่าไม้-ธ.ก.ส.ส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้า และพืชเศรษฐกิจยังยืนหนุนเกษตรกรมีชีวิตอยู่ดีมีสุข -ส่งตรง "กาแฟพันธุ์ไทย"

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 13:48 น.


วันนี้ (15 ต.ค.67) บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ลงนามความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมป่าไม้ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้า และพืชเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมทางสภาพแวดล้อมและชุมชนในประเทศไทย เพื่อร่วมสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟมีรายได้ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่งตรงร้าน "กาแฟพันธุ์ไทย"

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมป่าไม้ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ป่าและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาป่าเดิม เพิ่มป่าใหม่ เพื่อให้ประเทศ ได้มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์  เกษตรกรมีรายได้และมีชีวิตความเป็นเป็นที่ดีขึ้น

ที่สำคัญยังได้กาแฟอราบิก้าคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด โดยจะนำเอาเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและได้คุณสมบัติตามมาตรฐานส่งมอบให้กับพีทีจี เพื่อส่งต่อให้กับบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพีทีจี) รวมถึงรับชื้อผลผลิตกาแฟอาราบิก้า หรือพืชเศรษฐกิจจากเกษตรกรตามคุณภาพ ปริมาณ และราคาอีกด้วย

ทั้งนี้ บทบาทของพีทีจีในการลงนามความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ คือ พีทีจีร่วมส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้ในการปลูก การแปรรูปกาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ พร้อมทั้งรับซื้อผลผลิตกาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดในราคามาตรฐาน เป็นธรรมและยั่งยืน พร้อมทั้งสนับสนุนองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนากระบวนการรับซื้อผลผลิต การคัดคุณภาพเมล็ด และการตรวจสอบย้อนกลับ

รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตกาแฟและพืชเศรษฐกิจ ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากพื้นที่ส่งเสริมเป้าหมายและร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดจำหน่ายในบริษัทฯ และบริษัทในกลุ่ม รวมถึงส่งเสริมด้านตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นตามความต้องการของลูกค้า และความสามารถในการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์และราคา

สำหรับความร่วมมือกับกรมบำไม้ พีทีจี สนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อดำเนินการจัดหา ปลูกกาแฟและ ปลูกไม้ป่าในพื้นที่โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ที่กรมป่าไม้จัดเตรียมให้ เพื่อการปลูกและบำรุงรักษาป่าอย่างต่อเนื่องรวมระยะเวลา 3 ปี พร้อมทั้งพัฒนาระบบการผลิตกล้ากาแฟพันธุ์ดี ให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายพันธุ์และดูแลกล้ากาแฟอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงร่วมกันพัฒนารูปแบบ การสร้างกระบวนการ ปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กับการพัฒนาเพื่อ เพิ่มพื้นที่ป่าถาวรในชุมชน  

นอกจากนี้ยังร่วมกันสนับสนุนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานปลูกและบำรุงรักษาป่าในด้านผลกระทบเชิงสังคม (Social Impacts Assessment) ด้านการเจริญเติบโตและปริมาณการกักเก็บก๊าซเรือน กระจกของต้นไม้และพื้นที่ป่า
.
ส่วนความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) พีทีจี สนับสนุนด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์และข้อมูลเพื่อเป็นกรอบในการวางแผนการผลิตให้กับวิสาหกิจชุมชน รวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมกับชุมชนในพื้นที่(CSR) และเผยแพร่ความรู้ และเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับการปลูกกาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจแก่เกษตรกร พร้อมทั้งจัดหากล้าไม้ยืนต้น ต้นกล้ากาแฟบางส่วน และต้นกล้าของพืชเครษฐกิจอื่นๆที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม 

ที่สำคัญนำเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และคุณสมบัติตามมาตรฐานเพื่อส่งมอบให้กับ พีทีจี ในนามบริษัทกาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพีจี) พร้อมรับซื้อผลผลิตกาแฟอาราบิก้า หรือพืชเศรษฐกิจากเกษตรกรตามคุณภาพ ปริมาณ และราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพีทีจี)

ด้าน หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมป์ เปิดเผยว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ดำเนินโครงการพัฒนาดอยตุง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาการปลูกพืชเสพติด ความยากจน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนเป้าหมาย ผ่านการสร้างอาชีพทางเลือกสุจริตต่างๆ

โดยเฉพาะการปลูกป่าเศรษฐกิจ ควบคู่กับการส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ด้านเศรษฐกิจและสังคม และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเป็นองค์รวมประเมินความเหมาะสมของพื้นที่ และส่งเสริมการปลูกและแปรรูปกาแฟ และพืชเศรษฐกิจ 

โดย พีทีจีได้ให้ความสำคัญกับการดูแลป่าพัฒนาชุมชน และส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่น และมีนโยบายในการเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟหรือพืชเศรษฐกิจตามความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า และป่าเศรษฐกิจพื้นที่เป้าหมาย อันจะก่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต อีกทั้งมีความตั้งใจที่จะนำวัตถุดิบจากพื้นที่ในร้านค้าภายใต้การบริหารงานของพีทีจี เพื่อสนับสนุนการเกษตรอย่างยั่งยืน

ด้าน นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงบทบาทของกรมป่าไม้ ในความร่วมมือครั้งนี้ว่ากรมป่าไม้จะสนับสนุนพื้นที่โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ ตามแนวพระราชดำริ จำนวน ไม่น้อยกว่า 50,000 ไร่  เพื่อการปลูกและบำรุงรักษาป่า พร้อมทั้งสนับสนุนด้านข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประสานงานหน่วยงาน ชุมชน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามความเหมาะสม 

เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ประจำโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ รวมถึงเจ้าหน้าที่เพื่อให้คำแนะนำ การจัดหาพื้นที่โครงการ สร้างป่า สร้างรายได้  และการประสานงานกับชุมชุมในพื้นที่

นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก ส.)กล่าวว่า หน้าที่ของ ธ.ก.ส. จะประเมินความพร้อม และศักยภาพของเกษตรกร และสถาบันเกษตกรในพื้นที่ ทั้งด้านความตั้งใจในการเข้าร่วมโครงการ รวมถึงความพร้อมทางด้านการเงิน รวมถึงสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมกับเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร เพื่อให้โครงการดำเนินไปได้ตามแผน

ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ ของ ธ.ก.ส.และเป็นไปตามเงื่อนไขที่ ธ.ก.ส. กำหนดนอกจากนี้ยังหาช่องทางในการพัฒนาสินค้าจากผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆให้กับเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร เพื่อเชื่อมโยงกับตลาดที่ พีทีจี รองรับ
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม