วันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 21:43 น.
วันที่ 7 ตุลาคม 2567 นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามผลกระทบของสถานการณ์อุทกภัยที่มีต่อโบราณสถานสำคัญของจังหวัด พบว่าพื้นที่เวียงกุมกาม ที่เป็นเมืองโบราณสมัยพญามังรายปฐมกษัตริย์ล้านนา ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสารภี ถูกน้ำท่วมหนักสุดและยังไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายได้ เบื้องต้นตัดระบบไฟฟ้ายังศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวชั่วคราวไว้ ซึ่งภายในพื้นที่ มีโบราณสถานที่เป็นวัดโบราณมากถึง 14 แห่ง ถูกน้ำท่วม หนักสุดคือวัดกู่เตี้ย ที่เป็นพื้นที่ต่ำถูกกระแสน้ำแรงซัดต่อเนื่อง คาดว่าน้ำจะลดระดับลงภายใน 3- 4 วัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเร่งเข้าไปสำรวจความเสียหาย สำหรับวัดโบราณภายในพื้นที่เวียงกุมกาม ส่วนใหญ่ใช้อิฐใหม่ในการบูรณะซ่อมแซม มีการเสริมตัวฐานรากช่วยลดความเสี่ยงของการพังทลายการซ่อมแซม อาจจะนำอิฐใหม่เปลี่ยนอิฐที่เปื่อยจากการแช่น้ำ
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่วัดผาลาดเชิงดอยสุเทพ พบความเสียหายจากการแรงปะทะของน้ำเข้ากับตัวโบราณสถาน และสถาปัตยกรรมภายในพื้นที่ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความชื้นของพระพุทธรูป และโบราณวัตถุต่างๆ พร้อมกันนี้ยังให้วางแผนออกแบบผังเบี่ยงน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวเพื่อลดแรงปะทของน้ำหลากเข้าโบราณสถานโดยตรง พร้อมกันนี้ยังสำรวจวัดอุโมงค์ บริเวณเชิงดอยสุเทพ ที่พบปัญหาความชื้นสะสม ที่น่าห่วง คือภายในมีจิตรกรรมฝาผนังรอบบริเวณ ที่จะได้รับความเสียหาย จึงมอบหมายให้สำนักศิลปากรเชียงใหม่ จัดแผนเตรียมความพร้อมภายหลังน้ำลดให้เร่งเข้าสำรวจพื้นที่
จากนั้นจัดแผนการบูรณะโดยใช้งบประมาณฉุกเฉินของกรมศิลปากร ซ่อมตามความจำเป็นเน้นความเสียหายหนักบูรณะก่อน ควบคู่กับการจัดแผนรับมือพื้นที่เสี่ยงรับน้ำลุ่มเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เบื้องต้นยังไม่ได้รับความเสียหาย แต่อย่างใดแต่กำชับให้สำนักศิลปากรอยุธยา และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา รายงานสถานการณ์และรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ภาพจากเฟซบุ๊ก : เวียงกุมกาม
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ