30 กันยายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ใกล้กับบ้านพักของนายอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส ว่า ได้รับรายงานเมื่อเช้านี้ ขณะนี้ทางพื้นที่พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ มีการปิดกั้นเขตเทศบาลทั้งหมด ประกาศให้ประชาชนที่เข้าออกให้ระมัดระวัง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเข้า และให้พกบัตรประชาชนด้วยเพื่อจะตรวจสอบ โดยทุกฝ่ายพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดต่างๆได้

เมื่อถามว่าเหตุเกิดที่อำเภอตากใบ คนก็จะไปโยงกับคดีตากใบ ที่ใกล้จะหมดอายุความ ซึ่งอาจเป็นเงื่อนไขให้สร้างสถานการณ์ในการกดดันนั้น นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ก็เป็นได้อยู่แล้ว เพราะคดีตากใบ ตอนนี้เป็นคดีที่กำลังอยู่ในความสนใจของทุกส่วน เนื่องจากคดีจะยุติวันที่ 25 ตุลาคมนี้ แต่เรื่องนี้ก็ต้องให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับการพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล ซึ่งส่วนตัวก็อยากให้ทุกอย่างจบในศาล เพื่อให้มันสิ้นสุด แต่เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าแต่ละคนมีเหตุผลอะไร เจ็บป่วยหรืออะไรก็ตาม แต่คิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เข้ามา ส่วนเราจะทำอะไรได้มากแค่ไหน ก็ไม่อาจไปละเมิดส่วนบุคคลได้ว่าเขาอยู่ที่ตรงไหน แต่ก็พยายามสืบหาเพื่อส่งข่าว ซึ่งตอนนี้ก็ส่งข่าวไปว่าถ้าเป็นไปได้ก็มาทำให้มันจบ

เมื่อถามว่าหมายถึงการติดต่อไปยัง พลเอก พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ติดต่อได้ตามบ้านเลขที่เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ความเป็นจริงของแต่ละคน ซึ่งตอนนี้ยังถือว่า พล.อ.พิศาล ยังบริสุทธิ์อยู่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.50 น. ของคืนวันที่ 29 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา  สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ บริเวณถนนหน้าบ้านพัก ว่าที่ร้อยตรี จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอตากใบ  เบื้องต้นบ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างบริเวณใกล้เคียงบ้านพักนายอำเภอตากใบได้รับความเสียหายจำนวนหลายหลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟลวก จำนวน 2 ราย คือ พลทหารกันตยศ บินหลีมา อายุ 22 ปี และพลทหารอนุวัฒน์ เหมรา อายุ 22 ปี ตั้งฐานอยู่ที่วัดชลธาราสิงเห ซึ่งไม่ห่างบ้านพักนายอำเภอมากนัก เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยตากใบได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลตากใบ

เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าทำการปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบจุดเกิดเหตุในช่วงเช้า พร้อมใช้แผนปิดพื้นที่เทศบาลเมืองตากใบ และเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะที่เข้าออกพื้นที่ทุกช่องทาง ทั้งด่านตรวจ เส้นทางพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอ หากไม่จำเป็นเจ้าหน้าที่ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงนี้ไปก่อน